กลยุทธ์การซื้อขายตามปริมาณการซื้อขาย

1. 1. กลยุทธ์การซื้อขายตามปริมาณการซื้อขาย

ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์ตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น, Forex, หรือตลาด ไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจว่าปริมาณการซื้อขายคืออะไร, มันมีความสำคัญอย่างไร, และจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้าง กลยุทธ์การซื้อขาย อย่างไร เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายตามปริมาณการซื้อขายสำหรับผู้เริ่มต้น

1. 1. 1. ปริมาณการซื้อขายคืออะไร?

ปริมาณการซื้อขาย หมายถึง จำนวนหน่วยของสินทรัพย์ที่ถูกซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ในตลาดไบนารี่ออปชั่น ปริมาณการซื้อขายไม่ได้แสดงเป็นจำนวนหน่วยของสินทรัพย์โดยตรง แต่จะแสดงเป็นจำนวนสัญญา (Contracts) ที่ถูกซื้อขายในช่วงเวลาหนึ่ง

ปริมาณการซื้อขายมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันบ่งบอกถึงความสนใจและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม (Trend) ในตลาด หากแนวโน้มใดมีปริมาณการซื้อขายสูง แสดงว่ามีผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมากเชื่อมั่นในแนวโน้มนั้น และมีความเป็นไปได้สูงที่แนวโน้มนั้นจะดำเนินต่อไป ในทางกลับกัน หากแนวโน้มมีปริมาณการซื้อขายต่ำ แสดงว่าความสนใจในแนวโน้มนั้นเริ่มลดลง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในอนาคตอันใกล้

1. 1. 1. ทำไมปริมาณการซื้อขายจึงสำคัญในไบนารี่ออปชั่น?

ในตลาดไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจปริมาณการซื้อขายมีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ:

• **ยืนยันแนวโน้ม:** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ยืนยันว่าแนวโน้มนั้นมีพลังและน่าจะดำเนินต่อไป
• **ระบุการกลับตัวของแนวโน้ม:** การลดลงของปริมาณการซื้อขายในช่วงที่แนวโน้มกำลังดำเนินอยู่ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มกำลังจะสิ้นสุดลง
• **ประเมินความน่าเชื่อถือของการ Breakout:** การ Breakout (การทะลุแนวต้านหรือแนวรับ) ที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายสูง มีแนวโน้มที่จะเป็น Breakout ที่แท้จริงและยั่งยืนกว่า Breakout ที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายต่ำ
• **วัดความผันผวนของตลาด:** ปริมาณการซื้อขายที่สูงมักจะสัมพันธ์กับความผันผวนของตลาดที่สูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้วย
• **ช่วยในการเลือกสินทรัพย์:** การเลือกซื้อขายสินทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง จะช่วยลดความเสี่ยงจากการ Slippage (การเกิดความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังและราคาที่ได้รับ)

1. 1. 1. กลยุทธ์การซื้อขายตามปริมาณการซื้อขาย

มีกลยุทธ์การซื้อขายมากมายที่สามารถนำปริมาณการซื้อขายมาประยุกต์ใช้ได้ ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยม:

1. **Volume Confirmation:** กลยุทธ์นี้ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ โดยดูว่าปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มหรือไม่ หากแนวโน้มเป็นขาขึ้น (Uptrend) และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น แสดงว่าแนวโน้มนั้นแข็งแกร่งและควรพิจารณาเปิดสถานะซื้อ (Call Option) ในทางกลับกัน หากแนวโน้มเป็นขาลง (Downtrend) และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น แสดงว่าแนวโน้มนั้นแข็งแกร่งและควรพิจารณาเปิดสถานะขาย (Put Option)

2. **Volume Divergence:** กลยุทธ์นี้ใช้เพื่อระบุสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม โดยดูว่าปริมาณการซื้อขายเคลื่อนที่สวนทางกับราคาหรือไม่ หากราคาสูงขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายลดลง อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาขึ้นกำลังอ่อนแรง และอาจมีการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง ในกรณีนี้ ควรพิจารณาเปิดสถานะขาย (Put Option) และในทางกลับกัน

3. **Breakout with Volume:** กลยุทธ์นี้ใช้เพื่อจับจังหวะการ Breakout ที่น่าเชื่อถือ โดยดูว่าการ Breakout เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงหรือไม่ หากราคา Breakout เหนือแนวต้าน (Resistance) หรือต่ำกว่าแนวรับ (Support) พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง แสดงว่า Breakout นั้นมีพลังและน่าจะดำเนินต่อไป ในกรณีนี้ ควรพิจารณาเปิดสถานะตามทิศทางของการ Breakout (Call Option หาก Breakout เหนือแนวต้าน และ Put Option หาก Breakout ต่ำกว่าแนวรับ)

4. **Volume Spike:** กลยุทธ์นี้ใช้เพื่อจับจังหวะการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วและรุนแรง โดยดูว่ามี Volume Spike (การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายอย่างฉับพลัน) เกิดขึ้นหรือไม่ Volume Spike มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีข่าวสำคัญ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว ในกรณีนี้ เทรดเดอร์สามารถใช้ Volume Spike เป็นสัญญาณในการเปิดสถานะตามทิศทางของการเคลื่อนไหวของราคา

5. **On Balance Volume (OBV):** On Balance Volume เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicator) ที่ใช้ในการวัดแรงซื้อขายสะสม โดยจะเพิ่มปริมาณการซื้อขายในวันที่ราคาปิดสูงขึ้น และลดปริมาณการซื้อขายในวันที่ราคาปิดต่ำลง การวิเคราะห์ OBV สามารถช่วยในการระบุแนวโน้มที่แข็งแกร่งและการกลับตัวของแนวโน้มได้

6. **Volume Weighted Average Price (VWAP):** Volume Weighted Average Price เป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคที่คำนวณราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตามปริมาณการซื้อขาย VWAP สามารถใช้เป็นระดับแนวรับและแนวต้านได้

1. 1. 1. การผสมผสานปริมาณการซื้อขายกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ

การใช้ปริมาณการซื้อขายร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจซื้อขาย ตัวอย่างเช่น:

• **ปริมาณการซื้อขาย + แนวรับ/แนวต้าน:** การ Breakout เหนือแนวต้าน หรือต่ำกว่าแนวรับ พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง จะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งกว่าการ Breakout ที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายต่ำ
• **ปริมาณการซื้อขาย + เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average):** การที่ราคาตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ขึ้นไป พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จะเป็นสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่งกว่าการที่ราคาตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ขึ้นไปโดยที่ปริมาณการซื้อขายไม่เพิ่มขึ้น
• **ปริมาณการซื้อขาย + รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Pattern):** การเกิดรูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม (เช่น Engulfing Pattern, Hammer, Shooting Star) พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง จะเป็นสัญญาณการกลับตัวที่น่าเชื่อถือกว่าการเกิดรูปแบบแท่งเทียนที่มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายต่ำ
• **ปริมาณการซื้อขาย + RSI (Relative Strength Index):** การที่ RSI แสดงสัญญาณ Overbought หรือ Oversold พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง จะเป็นสัญญาณที่น่าสนใจในการพิจารณาเปิดสถานะขาย หรือซื้อตามลำดับ

1. 1. 1. ข้อควรระวังในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายตามปริมาณการซื้อขาย

• **ไม่ใช่ทุกตลาดจะมีข้อมูลปริมาณการซื้อขาย:** ในบางตลาดไบนารี่ออปชั่น อาจไม่มีข้อมูลปริมาณการซื้อขายให้ใช้งาน
• **ปริมาณการซื้อขายอาจถูกบิดเบือน:** ในบางกรณี ปริมาณการซื้อขายอาจถูกบิดเบือนโดยการซื้อขายอัตโนมัติ (Algorithmic Trading) หรือการปั่นตลาด (Market Manipulation)
• **ปริมาณการซื้อขายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวม:** ไม่ควรพึ่งพาปริมาณการซื้อขายเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อขาย ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ และพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ด้วย

1. 1. 1. สรุป

กลยุทธ์การซื้อขายตามปริมาณการซื้อขายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น การทำความเข้าใจว่าปริมาณการซื้อขายคืออะไร, มันมีความสำคัญอย่างไร, และจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างไร จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการซื้อขายได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ปริมาณการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

การจัดการความเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญเสมอในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์ใดก็ตาม ควรกำหนดขนาดของเงินทุนที่เสี่ยงในแต่ละครั้งอย่างเหมาะสม และใช้ Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยงของคุณ

• • ลิงก์เพิ่มเติม:**

• การวิเคราะห์ทางเทคนิค
• การวิเคราะห์พื้นฐาน
• การจัดการความเสี่ยง
• แนวโน้ม (Trend) ในตลาด
• แนวรับและแนวต้าน
• รูปแบบแท่งเทียน
• On Balance Volume (OBV)
• Volume Weighted Average Price (VWAP)
• Relative Strength Index (RSI)
• Moving Average
• กลยุทธ์การซื้อขายตามแนวโน้ม
• กลยุทธ์การซื้อขาย Breakout
• กลยุทธ์การซื้อขาย Reversal
• การซื้อขายตามข่าว
• การซื้อขายตามช่วงเวลา

ตัวอย่างกลยุทธ์การซื้อขายตามปริมาณการซื้อขาย

! กลยุทธ์	! สัญญาณ	! การดำเนินการ	! ระดับความเสี่ยง
Volume Confirmation	แนวโน้มขาขึ้น/ลง + ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น	เปิดสถานะซื้อ/ขาย	ปานกลาง
Volume Divergence	ราคาขึ้น/ลง + ปริมาณการซื้อขายลดลง	เปิดสถานะขาย/ซื้อ	ปานกลาง-สูง
Breakout with Volume	ราคา Breakout แนวรับ/ต้าน + ปริมาณการซื้อขายสูง	เปิดสถานะตามทิศทาง Breakout	ปานกลาง
Volume Spike	ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน	เปิดสถานะตามทิศทางราคา	สูง
OBV Confirmation	OBV ทิศทางเดียวกับราคา	ยืนยันแนวโน้ม	ต่ำ-ปานกลาง

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น