กฎของอุปทาน
- กฎของอุปทาน ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
กฎของอุปทาน (Law of Supply) เป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานที่สุดของ เศรษฐศาสตร์ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย บทความนี้จะอธิบายกฎของอุปทานอย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น เน้นการนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น และเชื่อมโยงกับแนวคิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- อุปทานคืออะไร?
อุปทาน หมายถึง ปริมาณสินค้าหรือบริการที่ผู้ผลิตหรือผู้ขายยินดีและสามารถนำเสนอขายในตลาด ณ ระดับราคาที่กำหนดในช่วงเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและอุปทานจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ เมื่อราคาสูงขึ้น ผู้ผลิตก็จะต้องการเสนอขายสินค้าหรือบริการมากขึ้น และในทางกลับกัน เมื่อราคาลดลง ผู้ผลิตก็จะต้องการเสนอขายสินค้าหรือบริการน้อยลง
ความสัมพันธ์นี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น:
- **แรงจูงใจในการแสวงหากำไร:** ผู้ผลิตต้องการได้รับกำไรสูงสุด และจะเพิ่มปริมาณการผลิตเมื่อราคาสูงขึ้น
- **ต้นทุนการผลิต:** หากต้นทุนการผลิตลดลง ผู้ผลิตจะสามารถเสนอขายสินค้าหรือบริการในปริมาณที่มากขึ้นได้ในราคาเดิม
- **เทคโนโลยี:** การพัฒนาเทคโนโลยีสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้
- กฎของอุปทาน: ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณ
กฎของอุปทานระบุว่า *โดยทั่วไป* เมื่อราคาสูงขึ้น อุปทานก็จะสูงขึ้น และเมื่อราคาลดลง อุปทานก็จะลดลง ความสัมพันธ์นี้สามารถแสดงได้ด้วยเส้นอุปทาน (Supply Curve) ซึ่งเป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณอุปทาน
| !! ราคา (Price) | !! ปริมาณอุปทาน (Quantity Supplied) |
| 10 | 100 |
| 20 | 200 |
| 30 | 300 |
| 40 | 400 |
จากตารางและกราฟข้างต้น จะเห็นได้ว่าเมื่อราคาสูงขึ้น ปริมาณอุปทานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- ปัจจัยที่มีผลต่ออุปทาน (Shifters of Supply)
ถึงแม้ว่ากฎของอุปทานจะบอกว่าราคาเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่ออุปทาน แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถทำให้เส้นอุปทานเคลื่อนที่ได้ ปัจจัยเหล่านี้เรียกว่า “Shifters of Supply” ได้แก่:
- **ต้นทุนการผลิต:** หากต้นทุนการผลิต เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน หรือค่าเช่า เพิ่มขึ้น เส้นอุปทานจะเลื่อนไปทางซ้าย (ลดลง) และในทางกลับกัน หากต้นทุนการผลิตลดลง เส้นอุปทานจะเลื่อนไปทางขวา (เพิ่มขึ้น)
- **เทคโนโลยี:** การพัฒนาเทคโนโลยีสามารถลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้เส้นอุปทานเลื่อนไปทางขวา
- **จำนวนผู้ผลิต:** หากมีผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาในตลาด เส้นอุปทานจะเลื่อนไปทางขวา และในทางกลับกัน หากมีผู้ผลิตออกจากตลาด เส้นอุปทานจะเลื่อนไปทางซ้าย
- **ความคาดหวังของผู้ผลิต:** หากผู้ผลิตคาดหวังว่าราคาในอนาคตจะสูงขึ้น พวกเขาอาจจะลดปริมาณอุปทานในปัจจุบันเพื่อรอขายในราคาที่สูงขึ้น ทำให้เส้นอุปทานเลื่อนไปทางซ้าย
- **นโยบายรัฐบาล:** นโยบายรัฐบาล เช่น ภาษี อุดหนุน หรือข้อจำกัดการนำเข้า สามารถมีผลต่อต้นทุนการผลิตและปริมาณอุปทานได้
- อุปทานในตลาดไบนารี่ออปชั่น
ในบริบทของตลาด ไบนารี่ออปชั่น “อุปทาน” ไม่ได้หมายถึงปริมาณสินค้าหรือบริการโดยตรง แต่หมายถึง “แรงกดดันในการขาย” หรือ “จำนวนคำสั่งขาย” ที่มีอยู่ในตลาด ณ ระดับราคาที่กำหนด
- **แรงกดดันในการขายที่สูง:** หมายถึง มีผู้ขายจำนวนมากที่ต้องการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาปัจจุบัน หรือต่ำกว่า ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะลดลง
- **แรงกดดันในการขายที่ต่ำ:** หมายถึง มีผู้ขายจำนวนน้อยที่ต้องการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาปัจจุบัน หรือสูงกว่า ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น
การเข้าใจแรงกดดันในการขายนี้เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะซื้อ (Call Option) หรือขาย (Put Option) ในตลาดไบนารี่ออปชั่น
- การประยุกต์ใช้กฎของอุปทานในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
การวิเคราะห์อุปทานในตลาดไบนารี่ออปชั่นสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เช่น:
- **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นมักบ่งบอกถึงความสนใจที่มากขึ้นในสินทรัพย์อ้างอิง และสามารถใช้เพื่อประเมินแรงกดดันในการซื้อหรือขายได้ เช่น หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นพร้อมกับการลดลงของราคา อาจบ่งบอกถึงแรงกดดันในการขายที่แข็งแกร่ง การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
- **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** การใช้ Indicator ต่างๆ เช่น Moving Averages, RSI, MACD สามารถช่วยระบุแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา ซึ่งสามารถใช้เพื่อประเมินแรงกดดันในการซื้อหรือขายได้ Moving Averages, RSI, MACD
- **การวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick Patterns):** รูปแบบแท่งเทียนบางรูปแบบ เช่น Bearish Engulfing หรือ Evening Star สามารถบ่งบอกถึงแรงกดดันในการขายที่เพิ่มขึ้น รูปแบบแท่งเทียน
- **การสังเกต Order Book:** การดู Order Book สามารถช่วยให้เห็นภาพรวมของคำสั่งซื้อและขายที่รออยู่ ซึ่งสามารถใช้เพื่อประเมินแรงกดดันในการซื้อหรือขายได้
- **การใช้กลยุทธ์ Breakout:** การระบุระดับแนวต้านที่แข็งแกร่ง และรอการทะลุขึ้น อาจบ่งบอกถึงแรงกดดันในการซื้อที่แข็งแกร่ง และโอกาสในการซื้อ กลยุทธ์ Breakout
- **การใช้กลยุทธ์ Reversal:** การระบุสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม เช่น Double Top หรือ Double Bottom อาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงกดดันในการซื้อหรือขาย กลยุทธ์ Reversal
- **การใช้กลยุทธ์ Trend Following:** การเทรดตามแนวโน้มหลัก อาจช่วยให้ได้ประโยชน์จากแรงกดดันในการซื้อหรือขายที่ต่อเนื่อง กลยุทธ์ Trend Following
- **การใช้กลยุทธ์ Support and Resistance:** การระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยประเมินจุดที่แรงกดดันในการซื้อหรือขายอาจเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์ Support and Resistance
- **การใช้กลยุทธ์ Price Action:** การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง สามารถช่วยระบุสัญญาณการซื้อหรือขายที่เกิดจากแรงกดดันในการซื้อหรือขาย กลยุทธ์ Price Action
- **การใช้กลยุทธ์ Fibonacci Retracement:** การใช้ระดับ Fibonacci สามารถช่วยระบุจุดที่แรงกดดันในการซื้อหรือขายอาจเกิดขึ้น กลยุทธ์ Fibonacci Retracement
- **การใช้กลยุทธ์ Ichimoku Cloud:** การใช้ Ichimoku Cloud สามารถช่วยระบุแนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่ง กลยุทธ์ Ichimoku Cloud
- **การใช้กลยุทธ์ Bollinger Bands:** การใช้ Bollinger Bands สามารถช่วยระบุสภาวะ Overbought หรือ Oversold ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงกดดันในการซื้อหรือขาย กลยุทธ์ Bollinger Bands
- **การใช้กลยุทธ์ Elliott Wave:** การวิเคราะห์ Elliott Wave สามารถช่วยระบุรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดจากแรงกดดันในการซื้อหรือขาย กลยุทธ์ Elliott Wave
- **การใช้กลยุทธ์ Harmonic Patterns:** การใช้ Harmonic Patterns สามารถช่วยระบุรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดการณ์ได้ กลยุทธ์ Harmonic Patterns
- **การใช้กลยุทธ์ Option Chain Analysis:** การวิเคราะห์ Option Chain สามารถช่วยประเมินความคาดหวังของตลาด และแรงกดดันในการซื้อหรือขาย กลยุทธ์ Option Chain Analysis
- ข้อควรระวัง
- กฎของอุปทานเป็นเพียงหลักการทั่วไป และอาจมีข้อยกเว้นในบางสถานการณ์
- ปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากอุปทาน เช่น อุปสงค์ และความเชื่อมั่นของตลาด ก็มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา
- การวิเคราะห์อุปทานในตลาดไบนารี่ออปชั่นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และต้องใช้ความรู้และประสบการณ์
- สรุป
กฎของอุปทานเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญในการทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดการเงิน รวมถึงตลาดไบนารี่ออปชั่น การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างราคาและอุปทาน รวมถึงปัจจัยที่มีผลต่ออุปทาน จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ ในการวิเคราะห์อุปทาน ร่วมกับ การบริหารความเสี่ยง ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดไบนารี่ออปชั่น
การวิเคราะห์ตลาด การบริหารความเสี่ยง จิตวิทยาการเทรด การเลือกโบรกเกอร์ การวางแผนการเทรด
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
