Straddle strategy
- กลยุทธ์ Straddle ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น
กลยุทธ์ Straddle เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น และออปชั่นทั่วไป เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น (uptrend) และตลาดที่มีแนวโน้มลดลง (downtrend) หรือที่เรียกว่าตลาด Sideways บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์ Straddle อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงข้อดี ข้อเสีย การใช้งาน และการจัดการความเสี่ยง
- ความหมายของกลยุทธ์ Straddle
Straddle คือการเปิดตำแหน่งซื้อ (Call Option) และตำแหน่งขาย (Put Option) พร้อมกัน บนสินทรัพย์อ้างอิงเดียวกัน โดยมีวันหมดอายุ (expiry date) และราคาใช้สิทธิ (strike price) เดียวกัน เป้าหมายของกลยุทธ์นี้คือการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นขึ้นหรือลง กลยุทธ์นี้จึงเหมาะกับสถานการณ์ที่คาดว่าราคาจะผันผวนอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะผันผวนไปในทิศทางใด
- หลักการทำงานของ Straddle
- **Call Option:** สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (ราคาใช้สิทธิ) ภายในวันหมดอายุ
- **Put Option:** สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ (ราคาใช้สิทธิ) ภายในวันหมดอายุ
เมื่อคุณเปิด Straddle คุณกำลังจ่ายค่าพรีเมี่ยม (premium) สำหรับทั้ง Call Option และ Put Option ดังนั้น จุดคุ้มทุนของคุณ (break-even point) จะอยู่ที่ราคาใช้สิทธิ บวก/ลบ ค่าพรีเมี่ยมที่จ่ายไป
- **กำไร:** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนที่ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรุนแรง เกินกว่าจุดคุ้มทุน
- **ขาดทุน:** เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงไม่เคลื่อนที่มากพอ หรือเคลื่อนที่อยู่ในช่วงแคบๆ จนถึงวันหมดอายุ ทำให้ทั้ง Call Option และ Put Option หมดมูลค่า
- ประเภทของ Straddle
Straddle สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักๆ คือ
1. **Long Straddle:** เป็นรูปแบบ Straddle ที่พบบ่อยที่สุด คือการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าราคาจะผันผวนอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจทิศทาง 2. **Short Straddle:** คือการขายทั้ง Call Option และ Put Option เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ และไม่ผันผวนมากนัก กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูงกว่า Long Straddle เนื่องจากอาจต้องรับผิดชอบต่อการขาดทุนจำนวนมากหากราคาเคลื่อนที่อย่างรุนแรง
บทความนี้จะเน้นที่ **Long Straddle** เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นมากกว่า
- เงื่อนไขที่เหมาะสมในการใช้กลยุทธ์ Straddle
- **ความผันผวนสูง:** กลยุทธ์ Straddle จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงประกาศผลประกอบการบริษัทสำคัญ หรือช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
- **ความไม่แน่นอนของทิศทาง:** เมื่อคุณไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาได้อย่างแม่นยำ แต่คาดว่าราคาจะเคลื่อนที่อย่างมาก กลยุทธ์ Straddle จะเป็นทางเลือกที่ดี
- **การคาดการณ์ Breakout:** หากคุณคาดว่าราคาจะ Breakout จากช่วงราคาเดิม กลยุทธ์ Straddle สามารถทำกำไรได้ทั้งเมื่อราคา Breakout ขึ้นไป หรือ Breakout ลงมา
- ตัวอย่างการใช้งานกลยุทธ์ Straddle
สมมติว่าคุณเชื่อว่าหุ้น XYZ จะมีความผันผวนสูงในสัปดาห์หน้า แต่ไม่แน่ใจว่าราคาจะขึ้นหรือลง ราคาปัจจุบันของหุ้น XYZ คือ 50 บาท คุณตัดสินใจเปิด Long Straddle โดย:
- ซื้อ Call Option ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมี่ยม 2 บาท
- ซื้อ Put Option ราคาใช้สิทธิ 50 บาท ด้วยค่าพรีเมี่ยม 2 บาท
ค่าใช้จ่ายรวม (ค่าพรีเมี่ยม) = 2 บาท + 2 บาท = 4 บาท
- สถานการณ์ที่ 1: ราคาหุ้น XYZ ขึ้นไปที่ 55 บาท**
- Call Option: ทำกำไร (55 บาท - 50 บาท) - 2 บาท = 3 บาท
- Put Option: ขาดทุน 2 บาท (หมดมูลค่า)
- กำไรสุทธิ: 3 บาท - 2 บาท = 1 บาท
- สถานการณ์ที่ 2: ราคาหุ้น XYZ ลงไปที่ 45 บาท**
- Call Option: ขาดทุน 2 บาท (หมดมูลค่า)
- Put Option: ทำกำไร (50 บาท - 45 บาท) - 2 บาท = 3 บาท
- กำไรสุทธิ: 3 บาท - 2 บาท = 1 บาท
- สถานการณ์ที่ 3: ราคาหุ้น XYZ อยู่ที่ 50 บาท (ไม่เปลี่ยนแปลง)**
- Call Option: ขาดทุน 2 บาท (หมดมูลค่า)
- Put Option: ขาดทุน 2 บาท (หมดมูลค่า)
- ขาดทุนสุทธิ: 4 บาท
จากตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ว่าคุณสามารถทำกำไรได้ทั้งเมื่อราคาขึ้นและลง แต่คุณจะขาดทุนหากราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากพอ
- การจัดการความเสี่ยงในกลยุทธ์ Straddle
- **กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss):** กำหนดระดับราคาที่ยอมรับได้หากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อจำกัดการขาดทุน
- **เลือกราคาใช้สิทธิที่เหมาะสม:** การเลือกราคาใช้สิทธิที่ใกล้เคียงกับราคาปัจจุบันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน
- **เลือกวันหมดอายุที่เหมาะสม:** วันหมดอายุที่สั้นเกินไปอาจไม่ให้เวลาเพียงพอที่ราคาจะเคลื่อนที่ แต่ถ้าวันหมดอายุยาวเกินไป ค่าพรีเมี่ยมจะสูงขึ้น
- **ขนาดตำแหน่ง (Position Sizing):** อย่าลงทุนมากเกินไปในกลยุทธ์เดียว ควรแบ่งเงินลงทุนของคุณเพื่อกระจายความเสี่ยง
- **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
- ข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์ Straddle
| ข้อดี | ข้อเสีย | |------------------------------------------|------------------------------------------| | ทำกำไรได้ทั้งในตลาดขึ้นและลง | ต้องจ่ายค่าพรีเมี่ยมทั้ง Call และ Put Option | | เหมาะสำหรับตลาดที่มีความผันผวนสูง | จุดคุ้มทุนสูง | | สามารถทำกำไรได้จากการ Breakout | อาจขาดทุนทั้งหมดหากราคาไม่เคลื่อนที่มากพอ | | ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ตลาด | ต้องการการวิเคราะห์และติดตามอย่างใกล้ชิด |
- กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
- **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อทำกำไรจากราคาที่คาดว่าจะไม่เคลื่อนที่มากนัก Butterfly Spread
- **Condor Spread:** คล้ายกับ Butterfly Spread แต่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน Condor Spread
- **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่รวมทั้ง Call Spread และ Put Spread เพื่อทำกำไรจากความผันผวนที่ต่ำ Iron Condor
- **Covered Call:** กลยุทธ์ที่ขาย Call Option บนหุ้นที่คุณถืออยู่ Covered Call
- **Protective Put:** กลยุทธ์ที่ซื้อ Put Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่อาจลดลง Protective Put
- **Volatility Trading:** การซื้อขายโดยเน้นที่ความผันผวนของราคา Volatility Trading
- **Delta Neutral Strategy:** กลยุทธ์ที่พยายามสร้างพอร์ตที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา Delta Neutral Strategy
- **Gamma Scalping:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จาก Gamma เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของ Delta Gamma Scalping
- **Time Decay (Theta):** การทำความเข้าใจผลกระทบของการลดลงของมูลค่าตามเวลาของออปชั่น Time Decay
- **Implied Volatility:** การประเมินความผันผวนที่ตลาดคาดการณ์ไว้ Implied Volatility
- **Technical Analysis:** การวิเคราะห์กราฟราคาเพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต Technical Analysis
- **Fundamental Analysis:** การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์อ้างอิง Fundamental Analysis
- ** Bollinger Bands:** ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้วัดความผันผวนของราคา Bollinger Bands
- **Moving Averages:** ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ระบุแนวโน้มของราคา Moving Averages
- ** RSI (Relative Strength Index):** ตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม RSI
- สรุป
กลยุทธ์ Straddle เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในตลาดไบนารี่ออปชั่น อย่างไรก็ตาม การใช้งานกลยุทธ์นี้ต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการทำงาน การจัดการความเสี่ยง และการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอย่างรอบคอบ ผู้เริ่มต้นควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาและทำความเข้าใจกลยุทธ์นี้อย่างละเอียดก่อนที่จะนำไปใช้ในการซื้อขายจริง (Category:Option strategies)
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
