Options Pricing Models

Options Pricing Models

บทความนี้จะอธิบายถึงแบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่น (Options Pricing Models) สำหรับผู้เริ่มต้น โดยเน้นที่แนวคิดพื้นฐานและแบบจำลองที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการประเมินมูลค่าของ ออปชั่น ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาด ไบนารี่ออปชั่น

ออปชั่นคืออะไร?

ก่อนที่เราจะเจาะลึกในเรื่องของแบบจำลองการกำหนดราคา เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าออปชั่นคืออะไร ออปชั่น เป็นสัญญาที่ให้สิทธิ (แต่ไม่บังคับ) แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (เช่น หุ้น, สกุลเงิน, สินค้าโภคภัณฑ์) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (ราคาใช้สิทธิ) ภายในระยะเวลาที่กำหนด ออปชั่นมีสองประเภทหลัก:

**Call Option:** สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิง
**Put Option:** สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิง

การกำหนดราคาออปชั่นที่ถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุน เนื่องจากมีผลต่อการตัดสินใจในการซื้อขายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง การใช้ กลยุทธ์การเทรดออปชั่น ต่างๆ ก็จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในเรื่องการกำหนดราคาด้วย

ทำไมต้องมีแบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่น?

ราคาของออปชั่นไม่ได้ถูกกำหนดโดยง่ายเหมือนกับราคาของหุ้นโดยตรง เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของออปชั่น ได้แก่:

**ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง:** ราคาของสินทรัพย์ที่ออปชั่นอ้างอิงถึง
**ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** ราคาที่ผู้ถือออปชั่นสามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้
**ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ (Time to Expiration):** ระยะเวลาที่เหลือจนกว่าออปชั่นจะหมดอายุ
**ความผันผวน (Volatility):** ระดับความผันผวนของราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
**อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate):** อัตราดอกเบี้ยในตลาด
**เงินปันผล (Dividend Yield):** ผลตอบแทนจากเงินปันผลของสินทรัพย์อ้างอิง (ถ้ามี)

แบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่นจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการประเมินมูลค่าของออปชั่นโดยคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้

แบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่นที่สำคัญ

มีแบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่นหลายแบบ แต่เราจะเน้นที่แบบจำลองที่สำคัญและถูกใช้งานบ่อยที่สุด:

1. 1. 1. Black-Scholes Model

Black-Scholes Model เป็นแบบจำลองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นพื้นฐานของแบบจำลองอื่นๆ อีกมากมาย พัฒนาโดย Fischer Black และ Myron Scholes ในปี 1973 แบบจำลองนี้ใช้สมมติฐานหลายประการ เช่น:

ตลาดมีประสิทธิภาพ (Efficient Market)
ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
อัตราดอกเบี้ยคงที่
สินทรัพย์อ้างอิงจ่ายเงินปันผลในอัตราคงที่
ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงมีการเคลื่อนไหวแบบ Brownian Motion

สูตรของ Black-Scholes Model สำหรับ Call Option คือ:

C = S * N(d1) - X * e^(-rT) * N(d2)

โดยที่:

C = ราคาของ Call Option
S = ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง
X = ราคาใช้สิทธิ
r = อัตราดอกเบี้ยแบบไม่มีความเสี่ยง
T = ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุ (เป็นปี)
N(x) = ฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแบบปกติมาตรฐาน (Cumulative Standard Normal Distribution Function)
d1 = [ln(S/X) + (r + σ^2/2)T] / (σ * sqrt(T))
d2 = d1 - σ * sqrt(T)
σ = ความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิง

สำหรับ Put Option สูตรจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ใช้หลักการเดียวกัน

- ข้อดี:** เป็นแบบจำลองที่เข้าใจง่ายและใช้งานง่าย

- ข้อเสีย:** มีสมมติฐานที่อาจไม่เป็นจริงในตลาดจริง เช่น สมมติฐานเรื่องความผันผวนคงที่

1. 1. 2. Binomial Option Pricing Model

Binomial Option Pricing Model เป็นแบบจำลองที่ใช้หลักการของต้นไม้ (Tree) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในช่วงเวลาที่กำหนด แบบจำลองนี้จะแบ่งระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุออกเป็นช่วงเวลาเล็กๆ หลายช่วง และคำนวณราคาของออปชั่นในแต่ละช่วงเวลา โดยพิจารณาจากความเป็นไปได้ที่ราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง

- ข้อดี:** ยืดหยุ่นกว่า Black-Scholes Model และสามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ เช่น การจ่ายเงินปันผลที่ไม่คงที่

- ข้อเสีย:** การคำนวณที่ซับซ้อนกว่า Black-Scholes Model โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำนวนช่วงเวลาเพิ่มขึ้น

1. 1. 3. Monte Carlo Simulation

Monte Carlo Simulation เป็นเทคนิคทางสถิติที่ใช้ในการจำลองความเป็นไปได้ต่างๆ ของราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจำนวนมาก เพื่อประมาณการราคาของออปชั่น วิธีนี้เหมาะสำหรับออปชั่นที่มีลักษณะที่ซับซ้อน เช่น ออปชั่นที่มีลักษณะ Exotic Options

- ข้อดี:** สามารถจัดการกับออปชั่นที่มีลักษณะที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ข้อเสีย:** ใช้เวลาในการคำนวณนาน และต้องการความรู้ทางสถิติขั้นสูง

การนำแบบจำลองไปใช้ในตลาดไบนารี่ออปชั่น

แม้ว่าแบบจำลองเหล่านี้จะถูกพัฒนาขึ้นสำหรับออปชั่นแบบดั้งเดิม แต่แนวคิดพื้นฐานก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในตลาด ไบนารี่ออปชั่น ได้เช่นกัน แต่ต้องระลึกว่าไบนารี่ออปชั่นมีความแตกต่างจากออปชั่นแบบดั้งเดิมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของผลตอบแทนที่แน่นอน (Fixed Payout)

ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น การใช้แบบจำลองการกำหนดราคาอาจช่วยในการประเมินความน่าจะเป็นของการทำกำไร และในการตัดสินใจว่าจะเปิดหรือปิดสถานะ แต่การพึ่งพาแบบจำลองเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากตลาดไบนารี่ออปชั่นมีความผันผวนสูง และได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย และ ข่าวสารทางการเงิน

ปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา

นอกเหนือจากแบบจำลองการกำหนดราคาแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาเมื่อทำการเทรดออปชั่น:

**ความเสี่ยง (Risk):** การเทรดออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้เทรดควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะลงทุน
**สภาพคล่อง (Liquidity):** สภาพคล่องของออปชั่นมีผลต่อความสามารถในการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วและในราคาที่เหมาะสม
**ค่าธรรมเนียม (Fees):** ค่าธรรมเนียมการซื้อขายออปชั่นอาจส่งผลต่อผลตอบแทนโดยรวม

สรุป

แบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้เทรดและนักลงทุน แต่ควรใช้ร่วมกับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การเลือกใช้แบบจำลองที่เหมาะสมกับสถานการณ์และออปชั่นที่ต้องการเทรดเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบจำลอง

ตัวอย่างเปรียบเทียบแบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่น
แบบจำลอง	ข้อดี	ข้อเสีย	เหมาะสำหรับ
Black-Scholes Model	เข้าใจง่าย, ใช้งานง่าย	สมมติฐานอาจไม่เป็นจริง, ไม่เหมาะกับออปชั่นที่มีลักษณะซับซ้อน	ออปชั่น Vanilla Options
Binomial Option Pricing Model	ยืดหยุ่นกว่า Black-Scholes, ปรับเข้ากับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้	การคำนวณซับซ้อน, ใช้เวลานาน	ออปชั่น American Options, ออปชั่นที่มีการจ่ายเงินปันผล
Monte Carlo Simulation	จัดการกับออปชั่นที่ซับซ้อนได้	ใช้เวลาในการคำนวณนาน, ต้องการความรู้ทางสถิติ	Exotic Options, ออปชั่นที่มีลักษณะเฉพาะ

ลิงก์เพิ่มเติม

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น