Touch/No Touch option
- Touch/No Touch Option
Touch/No Touch option เป็นประเภทหนึ่งของ ไบนารี่ออปชั่น ที่ให้โอกาสในการทำกำไรจากการคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะ “แตะ” หรือ “ไม่แตะ” ระดับราคาที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลาที่กำหนด บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Touch/No Touch option สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงกลไกการทำงาน, ความแตกต่างจากไบนารี่ออปชั่นประเภทอื่น, กลยุทธ์การเทรด, การบริหารความเสี่ยง, และข้อควรระวัง
กลไกการทำงานของ Touch/No Touch Option
Touch/No Touch option แตกต่างจาก High/Low option หรือ Call/Put option ตรงที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงหรือต่ำกว่าระดับราคา ณ เวลาหมดอายุ แต่จะขึ้นอยู่กับว่าราคาจะ “แตะ” หรือ “ไม่แตะ” ระดับราคาที่กำหนดไว้ (Barrier) ภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
- Touch Option (แบบแตะ): ผู้เทรดจะทำกำไรหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิง *แตะ* ระดับราคาที่กำหนดไว้ (Barrier) ก่อนเวลาหมดอายุ ไม่ว่าหลังจากแตะแล้วราคาจะเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงก็ตาม
- No Touch Option (แบบไม่แตะ): ผู้เทรดจะทำกำไรหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิง *ไม่แตะ* ระดับราคาที่กำหนดไว้ (Barrier) ก่อนเวลาหมดอายุ แม้ว่าราคาจะเข้าใกล้ Barrier มากๆ ก็ตาม
ระดับราคาที่กำหนดไว้ (Barrier) มักจะถูกกำหนดไว้สูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิงเล็กน้อย ทำให้ผู้เทรดสามารถคาดการณ์ทิศทางราคาได้โดยไม่ต้องกังวลว่าราคาจะต้องสูงหรือต่ำกว่าระดับราคา ณ เวลาหมดอายุ
ความแตกต่างระหว่าง Touch/No Touch Option กับ Binary Option ประเภทอื่น
| คุณสมบัติ | Touch/No Touch Option | High/Low Option | Call/Put Option | |---|---|---|---| | เงื่อนไขการทำกำไร | ราคาแตะหรือไม่แตะ Barrier | ราคาสูงกว่าหรือต่ำกว่า Strike Price | ราคาสูงกว่าหรือต่ำกว่า Strike Price ณ เวลาหมดอายุ | | ความสำคัญของราคา ณ เวลาหมดอายุ | ไม่สำคัญ | สำคัญมาก | สำคัญมาก | | ความผันผวน | เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนสูง | เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน | เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน | | ความเสี่ยง | สูงกว่า | ปานกลาง | ปานกลาง |
จากตารางจะเห็นได้ว่า Touch/No Touch option มีความแตกต่างจาก Binary Option ประเภทอื่นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของความสำคัญของราคา ณ เวลาหมดอายุ และความเหมาะสมกับสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
กลยุทธ์การเทรด Touch/No Touch Option
การเทรด Touch/No Touch option จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงที่ลดลง ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้กัน:
1. Breakout Strategy (กลยุทธ์การทะลุแนวต้าน/แนวรับ): ใช้เมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในกรอบแคบๆ และคาดว่าจะมีการทะลุแนวต้านหรือแนวรับ กลยุทธ์นี้เหมาะกับ Touch option โดยเลือก Barrier ที่แนวต้านหรือแนวรับนั้น
* แนวรับแนวต้าน * การระบุแนวโน้ม
2. Volatility Strategy (กลยุทธ์ความผันผวน): ใช้เมื่อคาดว่าตลาดจะมีความผันผวนสูง กลยุทธ์นี้เหมาะกับ Touch option โดยเลือก Barrier ที่ห่างจากราคาปัจจุบันเล็กน้อยเพื่อเพิ่มโอกาสที่ราคาจะแตะ Barrier
* Bollinger Bands * Average True Range (ATR)
3. Range Trading Strategy (กลยุทธ์การเทรดในกรอบ): ใช้เมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในกรอบแคบๆ และคาดว่าจะยังคงเคลื่อนที่อยู่ในกรอบนั้น กลยุทธ์นี้เหมาะกับ No Touch option โดยเลือก Barrier ที่ขอบบนหรือขอบล่างของกรอบนั้น
* Support and Resistance Levels * Moving Averages
4. News Trading Strategy (กลยุทธ์การเทรดตามข่าว): ใช้เมื่อมีข่าวสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้ทั้ง Touch และ No Touch option ขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ผลกระทบของข่าว
* Economic Calendar * Fundamental Analysis
5. Trend Following Strategy (กลยุทธ์ตามแนวโน้ม): ใช้เมื่อมีแนวโน้มที่ชัดเจนในตลาด กลยุทธ์นี้เหมาะกับ Touch option โดยเลือก Barrier ที่ในทิศทางของแนวโน้ม
* MACD * Relative Strength Index (RSI)
6. Straddle Strategy (กลยุทธ์ Straddle): การซื้อทั้ง Touch และ No Touch option พร้อมกัน โดยคาดว่าราคาจะมีความผันผวนอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง
* Option Greeks * Implied Volatility
7. Strangle Strategy (กลยุทธ์ Strangle): คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Barrier ที่แตกต่างกัน เพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยง
* Risk Management
การบริหารความเสี่ยงในการเทรด Touch/No Touch Option
การเทรด Touch/No Touch option มีความเสี่ยงสูงกว่า Binary Option ประเภทอื่น ดังนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยง:
- กำหนดขนาดการลงทุน (Position Sizing): ไม่ควรลงทุนเกิน 5-10% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง
- ใช้ Stop Loss (การตั้งจุดตัดขาดทุน): แม้ว่า Touch/No Touch option จะไม่มี Stop Loss แบบดั้งเดิม แต่สามารถใช้การจำกัดจำนวนสัญญาที่เทรดเพื่อจำกัดความเสี่ยงได้
- กระจายความเสี่ยง (Diversification): เทรดสินทรัพย์อ้างอิงหลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่ง
- ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ (Stay Informed): ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญอาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงอย่างรวดเร็ว
- ทำความเข้าใจกับความผันผวนของตลาด (Understand Volatility): ความผันผวนของตลาดมีผลต่อโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยง
- ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account): ฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชีทดลองก่อนที่จะใช้เงินจริง
- ตั้งเป้าหมายกำไรและขาดทุน (Set Profit and Loss Targets): กำหนดเป้าหมายกำไรและขาดทุนที่ชัดเจน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- วิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน (Technical and Fundamental Analysis): ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเพื่อประเมินโอกาสในการเทรด
ข้อควรระวังในการเทรด Touch/No Touch Option
- ค่าคอมมิชชั่นและสเปรด (Commissions and Spreads): ตรวจสอบค่าคอมมิชชั่นและสเปรดก่อนทำการเทรด
- สภาพคล่องของตลาด (Market Liquidity): ตรวจสอบสภาพคล่องของตลาดก่อนทำการเทรด เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเข้าและออกตลาดได้อย่างรวดเร็ว
- ความผันผวนของราคา (Price Volatility): ระมัดระวังความผันผวนของราคา เนื่องจากอาจทำให้เกิดการขาดทุนอย่างรวดเร็ว
- การหลอกลวง (Scams): ระวังการหลอกลวงจากโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
- การควบคุมอารมณ์ (Emotional Control): ควบคุมอารมณ์และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์เป็นหลัก
- ความเข้าใจในเครื่องมือ (Understanding the Instrument): ทำความเข้าใจในกลไกการทำงานของ Touch/No Touch option อย่างละเอียดก่อนทำการเทรด
- การจัดการเงินทุน (Money Management): จัดการเงินทุนอย่างรอบคอบและมีวินัย
สรุป
Touch/No Touch option เป็นเครื่องมือการเทรดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรจากการคาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์อ้างอิง อย่างไรก็ตาม การเทรด Touch/No Touch option มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน การบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ และความเข้าใจในเครื่องมืออย่างละเอียด ผู้เริ่มต้นควรศึกษาข้อมูลและฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชีทดลองก่อนที่จะใช้เงินจริง
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- Binary Options Trading Strategies
- Technical Analysis for Binary Options
- Risk Management in Binary Options
- Volatility Trading
- Breakout Trading
- Trading Psychology
- Candlestick Patterns
- Chart Patterns
- Fibonacci Retracement
- Elliott Wave Theory
- Japanese Candlesticks
- Moving Average Convergence Divergence (MACD)
- Relative Strength Index (RSI)
- Bollinger Bands
- Average True Range (ATR)
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
