Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ)

1. 1. Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ)

Forex หรือ Foreign Exchange คือตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดนี้เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนจากทั่วโลก บทความนี้จะให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Forex สำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงแนวคิดหลัก กลไกการทำงาน ปัจจัยที่มีผลกระทบ และกลยุทธ์การซื้อขายต่างๆ

1. 1. 1. 1. ความหมายและประวัติของ Forex

Forex มาจากคำว่า "Foreign Exchange" ซึ่งหมายถึงการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตลาดนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อการค้าขายระหว่างประเทศเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ตลาด Forex ในรูปแบบที่เราเห็นกันในปัจจุบัน เริ่มต้นขึ้นหลังจากระบบ Bretton Woods ล่มสลายในปี 1971 ซึ่งนำไปสู่การลอยตัวของค่าเงิน และเปิดโอกาสให้เกิดการซื้อขายเงินตราต่างประเทศอย่างเสรีมากขึ้น

เดิมที Forex เป็นตลาดที่จำกัดเฉพาะสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ธนาคารกลาง และบริษัทข้ามชาติ แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการพัฒนาของแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและซื้อขาย Forex ได้อย่างง่ายดาย

1. 1. 1. 2. โครงสร้างตลาด Forex

ตลาด Forex ไม่ได้มีสถานที่ตั้งที่แน่นอนเหมือนตลาดหุ้น แต่เป็นการซื้อขายแบบ Over-the-Counter (OTC) ซึ่งหมายถึงการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้เข้าร่วมตลาดผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ผู้เข้าร่วมตลาดหลักใน Forex ได้แก่:

• **ธนาคาร:** เป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในตลาด Forex ทำหน้าที่เป็นผู้ทำตลาด (Market Maker) และให้บริการซื้อขายแก่ลูกค้า
• **สถาบันการเงิน:** เช่น กองทุนเฮดจ์ฟันด์ และบริษัทประกันภัย มีส่วนร่วมในการซื้อขาย Forex เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทุนและการบริหารความเสี่ยง
• **บริษัทข้ามชาติ:** ต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
• **นักลงทุนรายย่อย:** เช่น นักเทรด Forex ที่ซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์

ตลาด Forex แบ่งออกเป็นสามระดับหลัก:

• **Interbank Market:** เป็นตลาดที่ธนาคารขนาดใหญ่ซื้อขายกันเอง
• **Retail Forex Market:** เป็นตลาดที่โบรกเกอร์ Forex ให้บริการซื้อขายแก่นักลงทุนรายย่อย
• **Institutional Forex Market:** เป็นตลาดที่สถาบันการเงินและบริษัทข้ามชาติซื้อขายกัน

1. 1. 1. 3. คู่เงินตรา (Currency Pairs)

การซื้อขาย Forex เกี่ยวข้องกับการซื้อขายคู่เงินตรา ซึ่งหมายถึงการซื้อเงินตราหนึ่งและขายเงินตราอีกสกุลหนึ่ง พร้อมกัน ตัวอย่างเช่น EUR/USD หมายถึงการซื้อเงินยูโร (EUR) และขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD)

คู่เงินตราแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก:

• **Major Pairs:** เป็นคู่เงินตราที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีสภาพคล่องสูง ได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, USD/CHF, AUD/USD, USD/CAD, และ NZD/USD
• **Minor Pairs:** เป็นคู่เงินตราที่ได้รับความนิยมรองลงมา เช่น EUR/JPY, GBP/JPY, AUD/JPY
• **Exotic Pairs:** เป็นคู่เงินตราที่ประกอบด้วยเงินตราของประเทศกำลังพัฒนา เช่น USD/TRY, USD/ZAR

1. 1. 1. 4. คำศัพท์พื้นฐานในการซื้อขาย Forex

• **Bid Price:** ราคาที่โบรกเกอร์ยินดีซื้อเงินตรา
• **Ask Price:** ราคาที่โบรกเกอร์ยินดีขายเงินตรา
• **Spread:** ความแตกต่างระหว่าง Bid Price และ Ask Price
• **Pip (Percentage in Point):** หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของราคา
• **Leverage:** การยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดการซื้อขาย
• **Margin:** จำนวนเงินที่ต้องมีในบัญชีเพื่อเปิดและถือครองการซื้อขาย
• **Lot:** ขนาดของการซื้อขายมาตรฐาน
• **Stop Loss:** คำสั่งให้ปิดการซื้อขายเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดเพื่อจำกัดการขาดทุน
• **Take Profit:** คำสั่งให้ปิดการซื้อขายเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดเพื่อทำกำไร
• **Short Selling:** การขายเงินตราที่คาดว่าจะราคาลดลง
• **Long Position:** การซื้อเงินตราที่คาดว่าจะราคาเพิ่มขึ้น

1. 1. 1. 5. ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน

อัตราแลกเปลี่ยนได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่:

• **ปัจจัยทางเศรษฐกิจ:** เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP), อัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, การจ้างงาน, และดุลการค้า
• **ปัจจัยทางการเมือง:** เช่น ความมั่นคงทางการเมือง, นโยบายของรัฐบาล, และเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ
• **ปัจจัยทางจิตวิทยา:** เช่น ความเชื่อมั่นของนักลงทุน, ข่าวสาร, และการคาดการณ์
• **การแทรกแซงจากธนาคารกลาง:** ธนาคารกลางสามารถแทรกแซงตลาด Forex เพื่อควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน

1. 1. 1. 6. การวิเคราะห์ตลาด Forex

การวิเคราะห์ตลาด Forex เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อขาย มีสองวิธีหลักในการวิเคราะห์ตลาด:

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** ศึกษาข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts), แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Levels), เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), และตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators) เช่น Relative Strength Index (RSI), Moving Average Convergence Divergence (MACD), Bollinger Bands, Fibonacci Retracement, Ichimoku Cloud.
• **การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis):** ศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน เช่น การประกาศตัวเลข GDP, การประชุมธนาคารกลาง, รายงานการจ้างงาน, อัตราเงินเฟ้อ, ดุลการค้า และ นโยบายการเงิน.

1. 1. 1. 7. กลยุทธ์การซื้อขาย Forex

มีกลยุทธ์การซื้อขาย Forex มากมายที่นักลงทุนสามารถใช้ได้ ตัวอย่างเช่น:

• **Scalping:** เป็นกลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาเล็กน้อย
• **Day Trading:** เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่เปิดและปิดการซื้อขายภายในวันเดียว
• **Swing Trading:** เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ถือครองการซื้อขายเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์
• **Position Trading:** เป็นกลยุทธ์การซื้อขายระยะยาวที่ถือครองการซื้อขายเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
• **Breakout Trading:** การซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
• **Trend Following:** การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา
• **Range Trading:** การซื้อขายเมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในช่วงแคบๆ
• **Carry Trade:** การซื้อขายโดยการยืมเงินตราที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและลงทุนในเงินตราที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง
• **Martingale Strategy:** กลยุทธ์การเพิ่มขนาดการซื้อขายเมื่อขาดทุน
• **Anti-Martingale Strategy:** กลยุทธ์การลดขนาดการซื้อขายเมื่อขาดทุน
• **Grid Trading:** การวางคำสั่งซื้อขายในรูปแบบตาราง
• **News Trading:** การซื้อขายตามข่าวสารทางเศรษฐกิจและการเมือง
• **Elliott Wave Theory:** การวิเคราะห์ตลาดโดยใช้รูปแบบคลื่น
• **Harmonic Patterns:** การวิเคราะห์ตลาดโดยใช้รูปแบบทางเรขาคณิต
• **Price Action Trading:** การซื้อขายโดยการวิเคราะห์รูปแบบราคา

1. 1. 1. 8. การบริหารความเสี่ยงในการซื้อขาย Forex

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขาย Forex เพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป เทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:

• **การใช้ Stop Loss:** กำหนดระดับราคาที่ยอมรับได้ในการขาดทุน
• **การใช้ Take Profit:** กำหนดระดับราคาที่ต้องการทำกำไร
• **การกำหนดขนาดการซื้อขาย (Position Sizing):** คำนวณขนาดการซื้อขายที่เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• **การใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง:** ใช้ Leverage ในระดับที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ต้องระวังความเสี่ยงที่สูงขึ้น
• **การกระจายความเสี่ยง (Diversification):** ลงทุนในหลายคู่เงินตราเพื่อลดความเสี่ยง
• **การติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจมีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน

1. 1. 1. 9. โบรกเกอร์ Forex

การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ โบรกเกอร์ Forex ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้:

• **ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ:** เช่น FCA (Financial Conduct Authority) ในสหราชอาณาจักร หรือ CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) ในไซปรัส
• **มี Spread ที่แข่งขันได้:** Spread ที่ต่ำจะช่วยลดต้นทุนในการซื้อขาย
• **มีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ:** เช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5)
• **มีบริการลูกค้าที่ดี:** สามารถติดต่อและขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
• **มีเครื่องมือวิเคราะห์และทรัพยากรการเรียนรู้:** เช่น กราฟราคา ข่าวสาร และบทวิเคราะห์

1. 1. 1. 10. Forex กับ Binary Options

แม้ว่าทั้ง Forex และ Binary Options จะเป็นการซื้อขายทางการเงิน แต่มีความแตกต่างกันอย่างมาก Forex เป็นการซื้อขายค่าเงินโดยตรง โดยมีกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคา ในขณะที่ Binary Options เป็นการคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นหรือต่ำลงภายในระยะเวลาที่กำหนด หากคาดการณ์ถูกต้องจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่หากคาดการณ์ผิดจะเสียเงินลงทุนทั้งหมด

Binary Options มักถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงกว่า Forex เนื่องจากมีผลตอบแทนที่จำกัดและความเสี่ยงที่สูงในการสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด

ตัวอย่างความแตกต่างระหว่าง Forex และ Binary Options

คุณสมบัติ	Forex	Binary Options
วิธีการซื้อขาย	ซื้อขายค่าเงินโดยตรง	คาดการณ์ทิศทางราคา
กำไร/ขาดทุน	แปรผันตามความผันผวนของราคา	ได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือเสียเงินลงทุนทั้งหมด
ความเสี่ยง	ปานกลาง	สูง
ความซับซ้อน	ปานกลางถึงสูง	ง่าย
การบริหารความเสี่ยง	มีเครื่องมือหลากหลาย เช่น Stop Loss	จำกัดเฉพาะการเลือกตัวเลือกที่ถูกต้อง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง || การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย || การบริหารเงินทุน || กลยุทธ์การเทรดระยะสั้น || กลยุทธ์การเทรดระยะยาว || การใช้ Indicators || การอ่านกราฟราคา || การเข้าใจแนวโน้มตลาด || การจัดการความเสี่ยงใน Forex || การเลือกโบรกเกอร์ Forex || การวิเคราะห์ข่าวสารเศรษฐกิจ || การใช้เครื่องมือ Fibonacci || การใช้ Elliot Wave || การเทรดตามข่าว || การใช้ Harmonic Patterns

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น