Double Top and Double Bottom (Double Top และ Double Bottom)
- Double Top และ Double Bottom (Double Top และ Double Bottom)
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นในการทำความเข้าใจรูปแบบกราฟแท่งเทียน “Double Top” และ “Double Bottom” ซึ่งเป็นรูปแบบสำคัญในการ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ด้วย การทำความเข้าใจรูปแบบเหล่านี้สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
Double Top คืออะไร?
Double Top เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังจะสิ้นสุดลง และอาจมีการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง รูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์พยายามทะลุระดับความต้านทาน (Resistance Level) สองครั้ง แต่ไม่สำเร็จ และเกิดการถอยกลับลงมาในแต่ละครั้ง ทำให้เกิดลักษณะคล้ายตัว “M” บนกราฟ
- ลักษณะสำคัญของ Double Top:**
- **แนวโน้มขาขึ้น:** ก่อนที่ Double Top จะปรากฏขึ้น จะต้องมีแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนมาก่อน
- **ระดับความต้านทาน:** ราคาพยายามทะลุระดับความต้านทานที่สำคัญ แต่ไม่สามารถทำได้
- **สองจุดสูงสุด:** ราคาขึ้นไปสร้างจุดสูงสุด (High) สองจุดที่ระดับราคาใกล้เคียงกัน
- **ช่วงคอ (Neckline):** เส้นที่เชื่อมต่อระหว่างจุดต่ำสุด (Low) ที่เกิดขึ้นระหว่างจุดสูงสุดทั้งสอง
- **การทะลุช่วงคอ:** การที่ราคาหลุดลงไปต่ำกว่าช่วงคอ เป็นสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบ Double Top ได้เกิดขึ้นจริง และแนวโน้มขาลงกำลังจะเริ่มขึ้น
| องค์ประกอบ | คำอธิบาย | แนวโน้มขาขึ้น | การเคลื่อนที่ของราคาในทิศทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง | ระดับความต้านทาน | ราคาที่ไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้ง่ายๆ | จุดสูงสุดที่ 1 | ราคาขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดครั้งแรกที่ระดับความต้านทาน | ช่วงคอ | เส้นที่เชื่อมต่อจุดต่ำสุดระหว่างจุดสูงสุดทั้งสอง | จุดสูงสุดที่ 2 | ราคาขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดครั้งที่สองที่ระดับความต้านทาน (ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดที่ 1) | การยืนยัน | การที่ราคาหลุดลงต่ำกว่าช่วงคอ พร้อมกับปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มขึ้น |
Double Bottom คืออะไร?
ในทางตรงกันข้ามกับ Double Top, Double Bottom เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงที่กำลังจะสิ้นสุดลง และอาจมีการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น รูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์พยายามทะลุระดับการสนับสนุน (Support Level) สองครั้ง แต่ไม่สำเร็จ และเกิดการดีดกลับขึ้นมาในแต่ละครั้ง ทำให้เกิดลักษณะคล้ายตัว “W” บนกราฟ
- ลักษณะสำคัญของ Double Bottom:**
- **แนวโน้มขาลง:** ก่อนที่ Double Bottom จะปรากฏขึ้น จะต้องมีแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนมาก่อน
- **ระดับการสนับสนุน:** ราคาพยายามทะลุระดับการสนับสนุนที่สำคัญ แต่ไม่สามารถทำได้
- **สองจุดต่ำสุด:** ราคาลงไปสร้างจุดต่ำสุด (Low) สองจุดที่ระดับราคาใกล้เคียงกัน
- **ช่วงคอ (Neckline):** เส้นที่เชื่อมต่อระหว่างจุดสูงสุด (High) ที่เกิดขึ้นระหว่างจุดต่ำสุดทั้งสอง
- **การทะลุช่วงคอ:** การที่ราคาทะลุขึ้นไปสูงกว่าช่วงคอ เป็นสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบ Double Bottom ได้เกิดขึ้นจริง และแนวโน้มขาขึ้นกำลังจะเริ่มขึ้น
| องค์ประกอบ | คำอธิบาย | แนวโน้มขาลง | การเคลื่อนที่ของราคาในทิศทางต่ำลงอย่างต่อเนื่อง | ระดับการสนับสนุน | ราคาที่ไม่สามารถหลุดลงไปได้ง่ายๆ | จุดต่ำสุดที่ 1 | ราคาลงไปสร้างจุดต่ำสุดครั้งแรกที่ระดับการสนับสนุน | ช่วงคอ | เส้นที่เชื่อมต่อจุดสูงสุดระหว่างจุดต่ำสุดทั้งสอง | จุดต่ำสุดที่ 2 | ราคาลงไปสร้างจุดต่ำสุดครั้งที่สองที่ระดับการสนับสนุน (ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดที่ 1) | การยืนยัน | การที่ราคาทะลุขึ้นไปสูงกว่าช่วงคอ พร้อมกับปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มขึ้น |
การนำไปใช้ในตลาดไบนารี่ออปชั่น
เมื่อคุณพบรูปแบบ Double Top หรือ Double Bottom บนกราฟแล้ว คุณสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการตัดสินใจซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ได้ดังนี้:
- Double Top:**
- **ทิศทางการเทรด:** ขาย (Put Option)
- **จุดเข้า:** เมื่อราคาหลุดลงต่ำกว่าช่วงคอ
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):** เหนือจุดสูงสุดที่ 2 เล็กน้อย
- **เป้าหมายกำไร (Take Profit):** คำนวณจากความสูงของรูปแบบ (ระยะห่างระหว่างช่วงคอและจุดสูงสุด) แล้วนำมาลบออกจากจุดเข้า
- Double Bottom:**
- **ทิศทางการเทรด:** ซื้อ (Call Option)
- **จุดเข้า:** เมื่อราคาทะลุขึ้นไปสูงกว่าช่วงคอ
- **จุดตัดขาดทุน (Stop Loss):** ใต้จุดต่ำสุดที่ 2 เล็กน้อย
- **เป้าหมายกำไร (Take Profit):** คำนวณจากความสูงของรูปแบบ (ระยะห่างระหว่างช่วงคอและจุดต่ำสุด) แล้วนำมาบวกเข้ากับจุดเข้า
ข้อควรระวังและข้อจำกัด
แม้ว่า Double Top และ Double Bottom จะเป็นรูปแบบที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังและข้อจำกัดที่เทรดเดอร์ควรทราบ:
- **การยืนยัน:** การทะลุช่วงคอเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากไม่มีการทะลุที่ชัดเจน รูปแบบอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- **ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาทะลุช่วงคอ จะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของรูปแบบ
- **กรอบเวลา (Timeframe):** รูปแบบ Double Top และ Double Bottom สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกกรอบเวลา แต่กรอบเวลาที่ใหญ่กว่า (เช่น รายวัน หรือ รายสัปดาห์) มักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
- **รูปแบบที่ไม่สมบูรณ์:** บางครั้งรูปแบบอาจไม่สมบูรณ์แบบ จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดอาจไม่เท่ากันอย่างสมบูรณ์
- **สัญญาณหลอก (False Signal):** รูปแบบเหล่านี้อาจให้สัญญาณหลอกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูง
กลยุทธ์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรดโดยใช้ Double Top และ Double Bottom คุณสามารถใช้ร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ ได้ดังนี้:
- **แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance):** แนวรับแนวต้าน เป็นพื้นฐานสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค การใช้ร่วมกับ Double Top/Bottom จะช่วยยืนยันสัญญาณได้ดียิ่งขึ้น
- **เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ สามารถใช้เพื่อยืนยันแนวโน้ม และช่วยกรองสัญญาณหลอก
- **ดัชนีความสัมพันธ์สัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI):** RSI สามารถใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
- **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** MACD เป็นเครื่องมือที่ช่วยระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม
- **Fibonacci Retracement:** Fibonacci Retracement สามารถใช้เพื่อหาระดับแนวรับแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น
- **Bollinger Bands:** Bollinger Bands ช่วยวัดความผันผวนของราคา และอาจบ่งบอกถึงจุดกลับตัว
- **การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis):** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- **Price Action:** Price Action การอ่านการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง
- **Candlestick Patterns:** Candlestick Patterns รูปแบบแท่งเทียนต่างๆ เช่น Engulfing Pattern, Hammer, Shooting Star
- **การ Breakout Trading:** การ Breakout Trading เทรดเมื่อราคาทะลุแนวรับ/แนวต้าน
- **Trend Following:** Trend Following เทรดตามแนวโน้มหลัก
- **Mean Reversion:** Mean Reversion เทรดเมื่อราคากลับสู่ค่าเฉลี่ย
- **Scalping:** Scalping เทรดระยะสั้นเพื่อทำกำไรเล็กน้อย
- **Day Trading:** Day Trading เทรดภายในวันเดียว
- **Swing Trading:** Swing Trading เทรดเพื่อจับการแกว่งตัวของราคาในระยะกลาง
ตัวอย่างการเทรด
สมมติว่าคุณสังเกตเห็นรูปแบบ Double Top บนกราฟรายวันของ EUR/USD โดย:
- แนวโน้มขาขึ้นก่อนหน้า
- จุดสูงสุดที่ 1 ที่ 1.1000
- ช่วงคอที่ 1.0800
- จุดสูงสุดที่ 2 ที่ 1.0990
เมื่อราคาหลุดลงต่ำกว่า 1.0800 พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คุณตัดสินใจเปิดสถานะขาย (Put Option) ในไบนารี่ออปชั่น โดยตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 1.1010 และเป้าหมายกำไรที่ 1.0600 (คำนวณจากระยะห่างระหว่างช่วงคอและจุดสูงสุด)
สรุป
Double Top และ Double Bottom เป็นรูปแบบกราฟที่มีประโยชน์ในการระบุการกลับตัวของแนวโน้มในตลาดการเงิน การทำความเข้าใจลักษณะสำคัญของรูปแบบเหล่านี้ และการนำไปใช้ร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด ไบนารี่ออปชั่น อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่าไม่มีกลยุทธ์ใดที่สามารถรับประกันผลกำไรได้ 100% การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรด
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ไบนารี่ออปชั่น แนวรับแนวต้าน เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ RSI MACD Fibonacci Retracement Bollinger Bands การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย Price Action Candlestick Patterns การ Breakout Trading Trend Following Mean Reversion Scalping Day Trading Swing Trading การบริหารความเสี่ยง การลงทุน ตลาดการเงิน
- Category:การวิเคราะห์ทางเทคนิค**
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
