ทฤษฎีคลื่น Elliott (Elliott Wave Theory)
- ทฤษฎีคลื่น Elliott (Elliott Wave Theory)
ทฤษฎีคลื่น Elliott เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่พัฒนาโดย Ralph Nelson Elliott ในช่วงทศวรรษ 1930 โดยมีพื้นฐานมาจากการสังเกตพฤติกรรมของตลาดหุ้น เขาเชื่อว่าตลาดเคลื่อนไหวในรูปแบบที่คาดการณ์ได้ ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามแนวโน้มแบบสุ่ม แต่เป็นไปตามรูปแบบคลื่นที่ซ้ำกัน ทฤษฎีนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด ไบนารี่ออปชั่น และนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากสามารถช่วยในการคาดการณ์ทิศทางของตลาดและระบุโอกาสในการซื้อขายได้
- หลักการพื้นฐานของทฤษฎีคลื่น Elliott
ทฤษฎีคลื่น Elliott ระบุว่าราคาของสินทรัพย์ทางการเงินเคลื่อนไหวในรูปแบบของคลื่น 5 ระลอก และ 3 ระลอกสลับกันไป โดยคลื่นทั้ง 8 นี้รวมกันเป็นรูปแบบที่เรียกว่า “วงจร” (Cycle) ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ได้ดังนี้:
- **Grand Supercycle:** วงจรที่ใหญ่ที่สุดและกินเวลานานที่สุด
- **Supercycle:** วงจรที่ใหญ่รองลงมา
- **Cycle:** วงจรหลัก
- **Primary:** วงจรย่อย
- **Intermediate:** วงจรขนาดกลาง
- **Minor:** วงจรเล็ก
- **Minute:** วงจรที่เล็กกว่า
- **Minuette:** วงจรที่เล็กที่สุด
แต่ละวงจรจะประกอบด้วยคลื่น 5 ระลอกที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก (Impulse Waves) และคลื่น 3 ระลอกที่เคลื่อนไหวสวนทางกับแนวโน้มหลัก (Corrective Waves)
- คลื่น Impulse (คลื่นนำ)
คลื่น Impulse คือคลื่นที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก ประกอบด้วย 5 คลื่นย่อย ได้แก่:
- **คลื่น 1:** คลื่นเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ มักจะเริ่มต้นด้วยปริมาณการซื้อขายที่ต่ำ
- **คลื่น 2:** คลื่นแก้ไขที่สวนทางกับคลื่น 1 มักจะไม่ลึกเกิน 61.8% ของคลื่น 1
- **คลื่น 3:** คลื่นที่ยาวและแข็งแกร่งที่สุด มักจะขยายเกิน 161.8% ของคลื่น 1 และมีปริมาณการซื้อขายที่สูง
- **คลื่น 4:** คลื่นแก้ไขที่สวนทางกับคลื่น 3 มักจะไม่ทับซ้อนกับคลื่น 1
- **คลื่น 5:** คลื่นสุดท้ายของแนวโน้ม มักจะสิ้นสุดลงด้วยปริมาณการซื้อขายที่ลดลง
- คลื่น Corrective (คลื่นแก้ไข)
คลื่น Corrective คือคลื่นที่เคลื่อนไหวสวนทางกับแนวโน้มหลัก ประกอบด้วย 3 คลื่นย่อย ได้แก่:
- **คลื่น A:** คลื่นแก้ไขแรกที่สวนทางกับแนวโน้มหลัก
- **คลื่น B:** คลื่นแก้ไขที่สวนทางกับคลื่น A มักจะดูเหมือนเป็นคลื่นนำหลอกๆ
- **คลื่น C:** คลื่นแก้ไขสุดท้ายที่สวนทางกับแนวโน้มหลัก มักจะขยายเกินความยาวของคลื่น A
- รูปแบบของคลื่น Corrective
คลื่น Corrective มีหลายรูปแบบ แต่ที่พบบ่อย ได้แก่:
- **Zigzag:** รูปแบบที่รุนแรงที่สุดของคลื่น Corrective ประกอบด้วยคลื่น A, B, และ C ที่ชัดเจน
- **Flat:** รูปแบบที่คลื่นแก้ไขมีขนาดใกล้เคียงกัน และเคลื่อนที่ในกรอบแคบๆ
- **Triangle:** รูปแบบที่คลื่นแก้ไขค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ และมักจะเกิดขึ้นในตำแหน่งสุดท้ายของแนวโน้ม
- กฎของ Elliott
เพื่อให้การวิเคราะห์คลื่น Elliott มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น มีกฎสำคัญ 3 ข้อที่ต้องปฏิบัติตาม:
1. **คลื่น 2 ไม่สามารถย้อนกลับเกินจุดเริ่มต้นของคลื่น 1 ได้** 2. **คลื่น 3 ไม่สามารถเป็นคลื่นที่สั้นที่สุดในบรรดาคลื่น 1, 3, และ 5 ได้** 3. **คลื่น 4 ไม่สามารถทับซ้อนกับพื้นที่ของคลื่น 1 ได้**
- การประยุกต์ใช้ทฤษฎีคลื่น Elliott ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
ทฤษฎีคลื่น Elliott สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเทรด ไบนารี่ออปชั่น ได้หลายวิธี:
- **การระบุแนวโน้ม:** การระบุคลื่น Impulse ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุแนวโน้มหลักของตลาดได้
- **การหาจุดเข้าซื้อขาย:** การระบุจุดสิ้นสุดของคลื่น Corrective สามารถใช้เป็นจุดเข้าซื้อขายในทิศทางของแนวโน้มหลักได้
- **การตั้งเป้าหมายกำไร:** การใช้ Fibonacci ratios สามารถช่วยในการตั้งเป้าหมายกำไรที่เหมาะสมได้
- **การบริหารความเสี่ยง:** การระบุรูปแบบคลื่นที่คาดการณ์ได้ ช่วยให้นักเทรดสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์คลื่น Elliott
- **Fibonacci Retracements:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- **Fibonacci Extensions:** ใช้เพื่อระบุเป้าหมายกำไรที่คาดหวัง
- **Elliott Wave Oscillator:** ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- **Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันรูปแบบคลื่นได้
- ข้อดีและข้อเสียของทฤษฎีคลื่น Elliott
- ข้อดี
- **สามารถระบุแนวโน้มได้แม่นยำ:** ทฤษฎีนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุแนวโน้มหลักของตลาดได้
- **สามารถคาดการณ์จุดกลับตัวได้:** การระบุคลื่น Corrective ช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์จุดกลับตัวของตลาดได้
- **สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ ได้:** ทฤษฎีนี้สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ได้
- ข้อเสีย
- **มีความซับซ้อน:** การเรียนรู้และทำความเข้าใจทฤษฎีนี้ต้องใช้เวลาและความพยายาม
- **เป็นอัตวิสัย:** การระบุคลื่นอาจมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
- **ไม่สามารถคาดการณ์ได้ 100%:** ทฤษฎีนี้ไม่ได้เป็นการรับประกันผลกำไรเสมอไป
- กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นโดยใช้ทฤษฎีคลื่น Elliott
1. **กลยุทธ์การเทรดตามคลื่น 3:** รอให้คลื่น 3 เริ่มต้นขึ้น และเปิดออปชั่น Call ในทิศทางของแนวโน้ม 2. **กลยุทธ์การเทรดตามคลื่น A:** รอให้คลื่น A เริ่มต้นขึ้น และเปิดออปชั่น Put สวนทางกับแนวโน้มหลัก 3. **กลยุทธ์การเทรด Breakout:** รอให้คลื่น 5 หรือคลื่น C ทำการ Breakout แนวต้านหรือแนวรับ และเปิดออปชั่นตามทิศทางของการ Breakout 4. **กลยุทธ์การเทรด Fibonacci Retracement:** ใช้ Fibonacci Retracements เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ และเปิดออปชั่นเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับเหล่านั้น
- การวิเคราะห์เพิ่มเติม
การใช้ทฤษฎีคลื่น Elliott ร่วมกับ การวิเคราะห์ทางเทคนิค อื่นๆ เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI), MACD, และ Bollinger Bands จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์และลดความเสี่ยงในการเทรดได้ การทำความเข้าใจ รูปแบบแท่งเทียน ก็เป็นประโยชน์อย่างมากในการยืนยันสัญญาณที่ได้จากทฤษฎีคลื่น Elliott การวิเคราะห์ ปริมาณการซื้อขาย ก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มและรูปแบบคลื่นได้ นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและการเมืองก็เป็นสิ่งสำคัญที่นักเทรดควรทำ เพื่อให้เข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่อาจมีผลกระทบต่อตลาด
- สรุป
ทฤษฎีคลื่น Elliott เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวิเคราะห์ตลาดและคาดการณ์ทิศทางราคา แม้ว่าทฤษฎีนี้จะมีความซับซ้อนและต้องการการฝึกฝน แต่ก็สามารถช่วยให้นักเทรด ไบนารี่ออปชั่น มีความได้เปรียบในการซื้อขายได้ การเรียนรู้และทำความเข้าใจทฤษฎีนี้จะช่วยให้คุณสามารถระบุโอกาสในการซื้อขายที่มีศักยภาพ และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ และการติดตามข่าวสารตลาดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดของคุณ
| คลื่น | คำอธิบาย | ลักษณะ |
|---|---|---|
| คลื่น 1 | คลื่นเริ่มต้น | มักเริ่มต้นด้วยปริมาณการซื้อขายที่ต่ำ |
| คลื่น 2 | คลื่นแก้ไข | มักไม่ลึกเกิน 61.8% ของคลื่น 1 |
| คลื่น 3 | คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด | มักขยายเกิน 161.8% ของคลื่น 1 และมีปริมาณการซื้อขายสูง |
| คลื่น 4 | คลื่นแก้ไข | มักไม่ทับซ้อนกับคลื่น 1 |
| คลื่น 5 | คลื่นสุดท้าย | มักสิ้นสุดลงด้วยปริมาณการซื้อขายที่ลดลง |
| คลื่น A | คลื่นแก้ไขแรก | สวนทางกับแนวโน้มหลัก |
| คลื่น B | คลื่นแก้ไข | มักดูเหมือนเป็นคลื่นนำหลอกๆ |
| คลื่น C | คลื่นแก้ไขสุดท้าย | สวนทางกับแนวโน้มหลักและมักขยายเกินความยาวของคลื่น A |
การบริหารเงินทุน เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นักเทรดต้องให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค การใช้ทฤษฎีคลื่น Elliott ร่วมกับกลยุทธ์ การเทรดแบบ Scalping หรือ การเทรดแบบ Day Trading ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ หากคุณมีความเข้าใจในทฤษฎีนี้อย่างถ่องแท้ และสามารถปรับใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
