การใช้ Retracement
- การใช้ Retracement ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
การเทรดไบนารี่ออปชั่น เป็นการคาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์ในกรอบเวลาที่กำหนด ความสำเร็จในการเทรดนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดและระบุโอกาสในการทำกำไร หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือ **Retracement** หรือ การถอยกลับ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุระดับแนวรับแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น และคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับการใช้ Retracement ในการเทรดไบนารี่ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงประเภทของ Retracement, วิธีการใช้งาน และกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
- Retracement คืออะไร?
Retracement เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น โดยอิงจากระดับสูงสุดและต่ำสุดของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด หลักการพื้นฐานคือ ราคาจะไม่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีการปรับฐานหรือถอยกลับก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดิมต่อ การระบุระดับ Retracement ที่สำคัญจะช่วยให้นักเทรดสามารถวางจุดเข้าเทรดและกำหนดจุดตัดขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ประเภทของ Retracement
Retracement มีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ:
- **Fibonacci Retracement:** เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยใช้ลำดับ Fibonacci (0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, ...) เพื่อคำนวณระดับ Retracement ที่สำคัญ ได้แก่ 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8% และ 78.6% ระดับเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นจุดที่ราคาอาจมีการปรับฐานก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดิมต่อ การใช้ Fibonacci Retracement ต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการของลำดับ Fibonacci และการระบุช่วงราคาที่เหมาะสม
- **Pivot Point Retracement:** ใช้ระดับสูงสุด, ต่ำสุด และราคาปิดของช่วงเวลาก่อนหน้าเพื่อคำนวณระดับแนวรับแนวต้านที่สำคัญ โดยทั่วไปจะมีการคำนวณ Pivot Point, Support Levels และ Resistance Levels ซึ่งสามารถใช้เป็นระดับ Retracement ได้ การใช้ Pivot Point ช่วยให้นักเทรดสามารถระบุระดับราคาที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางได้อย่างรวดเร็ว
- **Percentage Retracement:** เป็นประเภทที่เรียบง่ายที่สุด โดยใช้เปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (เช่น 25%, 50%, 75%) เพื่อคำนวณระดับ Retracement จากช่วงราคาที่กำหนด การใช้ Percentage Retracement เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเครื่องมือที่ใช้งานง่าย
- วิธีการใช้งาน Retracement ในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
1. **ระบุเทรนด์:** ก่อนที่จะใช้ Retracement สิ่งสำคัญคือต้องระบุเทรนด์ของสินทรัพย์ก่อน หากเป็นเทรนด์ขาขึ้น (Uptrend) ให้มองหาระดับ Retracement ที่อาจเป็นแนวรับ หากเป็นเทรนด์ขาลง (Downtrend) ให้มองหาระดับ Retracement ที่อาจเป็นแนวต้าน การเข้าใจ แนวโน้มของตลาด เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ Retracement อย่างมีประสิทธิภาพ 2. **วาด Retracement:** เลือกเครื่องมือ Retracement ที่ต้องการ (เช่น Fibonacci Retracement) และวาดจากจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุด (สำหรับ Uptrend) หรือจากจุดสูงสุดไปยังจุดต่ำสุด (สำหรับ Downtrend) 3. **ระบุระดับ Retracement ที่สำคัญ:** สังเกตระดับ Retracement ที่สำคัญ (เช่น 23.6%, 38.2%, 50%, 61.8%) และมองหาจุดที่ราคาอาจมีการปรับฐานและเด้งกลับ 4. **ยืนยันด้วยเครื่องมืออื่น:** เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ ควรยืนยันระดับ Retracement ด้วยเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Average, RSI, หรือ MACD 5. **วางเทรด:** เมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Retracement ที่สำคัญ และได้รับการยืนยันจากเครื่องมืออื่นๆ ให้วางเทรดไบนารี่ออปชั่น โดยเลือก Call (ถ้าคาดว่าราคาสะจะขึ้น) หรือ Put (ถ้าคาดว่าราคาสะจะลง)
- กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นด้วย Retracement
- **Fibonacci Retracement Breakout Strategy:** รอให้ราคา Breakout ระดับ Retracement ที่สำคัญ (เช่น 61.8%) แล้วเข้าเทรดในทิศทาง Breakout กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่มีความผันผวนสูง
- **Retracement Reversal Strategy:** รอให้ราคาปรับฐานลงมาที่ระดับ Retracement ที่สำคัญ (เช่น 38.2% หรือ 50%) แล้วรอสัญญาณการกลับตัว (เช่น แท่งเทียนกลับตัว) ก่อนเข้าเทรด กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่ Sideways หรือมีแนวโน้มการกลับตัว
- **Combined Retracement and Moving Average Strategy:** ใช้ Retracement เพื่อระบุระดับแนวรับแนวต้าน และใช้ Moving Average เพื่อยืนยันทิศทางของเทรนด์ กลยุทธ์นี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความแม่นยำในการเทรด
- **Retracement with Candlestick Patterns:** มองหารูปแบบแท่งเทียน (เช่น Engulfing Pattern, Hammer Pattern) ที่เกิดขึ้นบริเวณระดับ Retracement เพื่อยืนยันสัญญาณการกลับตัว กลยุทธ์นี้อาศัยการวิเคราะห์ รูปแบบแท่งเทียน ร่วมกับ Retracement
- **Retracement and Volume Analysis:** สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่ระดับ Retracement หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับ Retracement แสดงว่าระดับนั้นมีความสำคัญและอาจเป็นจุดที่ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง การวิเคราะห์ ปริมาณการซื้อขาย ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจ
- ตัวอย่างการใช้งาน Retracement
สมมติว่าราคาของสินทรัพย์กำลังอยู่ใน Uptrend และมีการปรับฐานลงมา เราวาด Fibonacci Retracement จากจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุดของ Uptrend และพบว่าราคาลงมาหยุดที่ระดับ 38.2% ซึ่งเป็นระดับ Retracement ที่สำคัญ เราสังเกตว่ามีสัญญาณการกลับตัวเกิดขึ้น (เช่น แท่งเทียน Hammer) และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น เราสามารถเข้าเทรด Call Option โดยคาดว่าราคาจะเด้งกลับขึ้นไปในทิศทางเดิม
- ข้อควรระวังในการใช้ Retracement
- **Retracement ไม่ใช่เครื่องมือที่แม่นยำ 100%:** ราคาอาจทะลุระดับ Retracement ที่สำคัญได้ ดังนั้นจึงควรใช้ Retracement ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ และมีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
- **การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม:** การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการวาด Retracement มีความสำคัญ หากเลือกช่วงเวลาที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ได้ระดับ Retracement ที่ไม่แม่นยำ
- **การยืนยันสัญญาณ:** ก่อนที่จะเข้าเทรด ควรยืนยันสัญญาณ Retracement ด้วยเครื่องมืออื่นๆ และสังเกตพฤติกรรมของราคาอย่างรอบคอบ
- **การจัดการความเสี่ยง:** กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่เหมาะสมเพื่อจำกัดความเสี่ยงในการเทรด
- ตารางสรุประดับ Fibonacci Retracement
| คำอธิบาย | ความสำคัญ | | - | |- | | ระดับ Retracement ที่ค่อนข้างเบา มักใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐาน | น้อย | | ระดับ Retracement ที่สำคัญ มักเป็นจุดที่ราคาจะมีการหยุดพักและเด้งกลับ | ปานกลาง | | ระดับ Retracement ที่สำคัญมาก มักเป็นจุดที่ราคาจะมีการกลับตัว | สูง | | ระดับ Retracement ที่สำคัญมาก มักเป็นจุดที่ราคาจะมีการกลับตัว | สูง | | ระดับ Retracement ที่ค่อนข้างสำคัญ มักใช้เป็นจุดสุดท้ายของการปรับฐาน | ปานกลาง | |
- การฝึกฝนและการพัฒนา
การใช้ Retracement ให้เชี่ยวชาญต้องอาศัยการฝึกฝนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ควรทดลองใช้ Retracement กับสินทรัพย์ต่างๆ และในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของราคาและพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ตลาด การศึกษา การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง และ การบริหารความเสี่ยง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
- แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- รูปแบบแท่งเทียน
- Moving Average
- RSI (Relative Strength Index)
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- ปริมาณการซื้อขาย
- แนวโน้มของตลาด
- กลยุทธ์ Martingale
- กลยุทธ์ Anti-Martingale
- กลยุทธ์ Hedging
- กลยุทธ์ Straddle
- กลยุทธ์ Strangle
- กลยุทธ์ Call Spread
- กลยุทธ์ Put Spread
- การบริหารความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

