การใช้ Leverage (Leverage)

From binary option
Jump to navigation Jump to search
Баннер1
    1. การใช้ Leverage (Leverage) ในไบนารี่ออปชั่น: คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้น

Leverage หรือ การใช้เงินทุนสำรอง เป็นเครื่องมือสำคัญที่เทรดเดอร์ในตลาดการเงิน รวมถึงตลาด ไบนารี่ออปชั่น ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ Leverage ในไบนารี่ออปชั่นสำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมตั้งแต่ความหมาย ข้อดี ข้อเสีย การคำนวณ การจัดการความเสี่ยง และกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

      1. Leverage คืออะไร?

Leverage คือ การยืมเงินทุนจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มขนาดของการซื้อขายของคุณ ทำให้คุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเงินทุนที่คุณมีอยู่จริงได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงินทุน 1,000 บาท และใช้ Leverage ที่ 1:100 คุณจะสามารถควบคุมตำแหน่งที่มีมูลค่า 100,000 บาทได้

ในตลาดไบนารี่ออปชั่น Leverage ไม่ได้ทำงานในรูปแบบเดียวกับตลาด Forex หรือ CFD โดยทั่วไป โบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นจะไม่ได้ให้คุณยืมเงินทุนโดยตรง แต่จะช่วยให้คุณสามารถเทรดด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่าเงินทุนที่คุณฝากไว้ได้ โดยการปรับขนาดของสัญญา (Contract Size) ที่คุณเทรด

      1. Leverage ในไบนารี่ออปชั่นทำงานอย่างไร?

ในไบนารี่ออปชั่น Leverage จะแสดงเป็นอัตราส่วน เช่น 1:10, 1:50, 1:100 หรือสูงกว่า อัตราส่วนนี้บ่งบอกถึงจำนวนเงินที่คุณสามารถควบคุมได้ต่อเงินทุนที่คุณลงทุน ตัวอย่างเช่น:

  • **Leverage 1:10:** หากคุณลงทุน 100 บาท คุณจะสามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่า 1,000 บาท
  • **Leverage 1:50:** หากคุณลงทุน 100 บาท คุณจะสามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่า 5,000 บาท
  • **Leverage 1:100:** หากคุณลงทุน 100 บาท คุณจะสามารถควบคุมสัญญาที่มีมูลค่า 10,000 บาท

การเพิ่ม Leverage หมายถึงศักยภาพในการทำกำไรที่สูงขึ้น แต่ก็หมายถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน หากการซื้อขายของคุณไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดของคุณได้อย่างรวดเร็ว

      1. ข้อดีของการใช้ Leverage ในไบนารี่ออปชั่น
  • **เพิ่มศักยภาพในการทำกำไร:** Leverage ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้นจากจำนวนเงินลงทุนที่น้อยลง
  • **เข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น:** Leverage ช่วยให้เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำกัดสามารถเข้าถึงตลาดไบนารี่ออปชั่นได้
  • **กระจายความเสี่ยง:** Leverage ช่วยให้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หลายประเภทได้
  • **เพิ่มโอกาสในการทำกำไร:** Leverage ช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในการทำกำไรที่เกิดขึ้นในตลาดได้อย่างรวดเร็ว
      1. ข้อเสียของการใช้ Leverage ในไบนารี่ออปชั่น
  • **เพิ่มความเสี่ยง:** Leverage ขยายทั้งกำไรและขาดทุนของคุณ หากการซื้อขายของคุณไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดของคุณได้อย่างรวดเร็ว
  • **Margin Call:** ในบางกรณี โบรกเกอร์อาจเรียกร้องให้คุณเพิ่มเงินทุนในบัญชีของคุณ (Margin Call) หากเงินทุนของคุณไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมการขาดทุนที่เกิดขึ้น
  • **ค่าธรรมเนียม:** บางโบรกเกอร์อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการใช้ Leverage
  • **ความผันผวนของตลาด:** Leverage สามารถขยายผลกระทบของความผันผวนของตลาด ทำให้คุณสูญเสียเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว
      1. การคำนวณ Leverage ในไบนารี่ออปชั่น

การคำนวณ Leverage ในไบนารี่ออปชั่นค่อนข้างง่าย หากคุณทราบอัตราส่วน Leverage และจำนวนเงินที่คุณลงทุน คุณสามารถคำนวณมูลค่าของสัญญาที่คุณควบคุมได้ดังนี้:

  • **มูลค่าสัญญา = เงินลงทุน x Leverage**

ตัวอย่าง:

  • เงินลงทุน: 100 บาท
  • Leverage: 1:50
  • มูลค่าสัญญา: 100 บาท x 50 = 5,000 บาท
      1. การจัดการความเสี่ยงเมื่อใช้ Leverage

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเมื่อคุณใช้ Leverage ในไบนารี่ออปชั่น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการจัดการความเสี่ยง:

  • **ใช้ Stop-Loss:** ตั้งค่า Stop-Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนของคุณหากการซื้อขายของคุณไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
  • **ใช้ Take-Profit:** ตั้งค่า Take-Profit เพื่อล็อคกำไรของคุณเมื่อราคาถึงเป้าหมายที่กำหนด
  • **อย่าลงทุนเกินกำลัง:** อย่าลงทุนเกินจำนวนเงินที่คุณสามารถยอมรับได้ที่จะสูญเสีย
  • **กระจายความเสี่ยง:** กระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์หลายประเภท
  • **เรียนรู้และทำความเข้าใจตลาด:** ทำความเข้าใจตลาดไบนารี่ออปชั่นและปัจจัยที่มีผลต่อราคา
  • **ใช้บัญชี Demo:** ฝึกฝนการเทรดด้วยบัญชี Demo ก่อนที่จะเริ่มเทรดด้วยเงินจริง
  • **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อตลาด
  • **ควบคุมอารมณ์:** อย่าปล่อยให้อารมณ์เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อขาย
      1. กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นที่ใช้ Leverage

มีกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นมากมายที่สามารถใช้ร่วมกับ Leverage ได้ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วน:

  • **Scalping:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กน้อยในระยะเวลาอันสั้น โดยใช้ Leverage เพื่อเพิ่มขนาดของการซื้อขาย
  • **Trend Following:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มและเทรดตามแนวโน้มนั้น โดยใช้ Leverage เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร
  • **Breakout Trading:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเทรดเมื่อราคา breakout จากระดับแนวรับหรือแนวต้าน โดยใช้ Leverage เพื่อเพิ่มขนาดของการซื้อขาย
  • **Straddle:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option พร้อมกัน โดยหวังว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
  • **Strangle:** กลยุทธ์นี้คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน
  • **Martingale:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขนาดของการซื้อขายของคุณหลังจากที่ขาดทุน เพื่อหวังว่าจะสามารถกู้คืนการขาดทุนทั้งหมดได้ในการซื้อขายครั้งต่อไป (กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูงมาก)
  • **Anti-Martingale:** กลยุทธ์นี้ตรงกันข้ามกับ Martingale โดยเกี่ยวข้องกับการลดขนาดของการซื้อขายของคุณหลังจากที่ขาดทุน และเพิ่มขนาดของการซื้อขายของคุณหลังจากที่ทำกำไร
  • **Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุสภาวะ Overbought และ Oversold เพื่อหาจุดเข้าซื้อขาย
  • **Moving Averages:** ใช้ Moving Averages เพื่อระบุแนวโน้มและจุดตัดเพื่อหาจุดเข้าซื้อขาย
  • **Relative Strength Index (RSI):** ใช้ RSI เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและหาจุด Overbought และ Oversold
  • **MACD:** ใช้ MACD เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมและหาจุดเข้าซื้อขาย
  • **Fibonacci Retracement:** ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้าน
  • **Elliott Wave Theory:** ใช้ Elliott Wave Theory เพื่อวิเคราะห์รูปแบบราคาและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
  • **Ichimoku Cloud:** ใช้ Ichimoku Cloud เพื่อวิเคราะห์แนวโน้ม, แนวรับ, แนวต้าน และโมเมนตัม
  • **Pivot Points:** ใช้ Pivot Points เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
      1. การเลือกโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นที่เหมาะสม

การเลือกโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ต่อไปนี้เป็นปัจจัยบางประการที่ควรพิจารณา:

  • **กฎระเบียบ:** เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่เชื่อถือได้
  • **Leverage:** ตรวจสอบอัตราส่วน Leverage ที่โบรกเกอร์เสนอ
  • **แพลตฟอร์มการเทรด:** ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มการเทรดใช้งานง่ายและมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์
  • **สินทรัพย์:** ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์เสนอสินทรัพย์ที่คุณสนใจ
  • **การจ่ายเงิน:** ตรวจสอบอัตราการจ่ายเงินของโบรกเกอร์
  • **การสนับสนุนลูกค้า:** ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีการสนับสนุนลูกค้าที่ดี
      1. สรุป

Leverage เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น การทำความเข้าใจวิธีการทำงานของ Leverage การจัดการความเสี่ยง และการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการเทรดไบนารี่ออปชั่น การฝึกฝนด้วยบัญชี Demo และการเรียนรู้กลยุทธ์การเทรดต่างๆ จะช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค | การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน | การจัดการเงินทุน | กลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่น | ความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชั่น | โบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่น | ตลาดไบนารี่ออปชั่น | แนวโน้มของตลาด | การซื้อขายแบบ Scalping | การซื้อขายแบบ Trend Following | Stop-Loss | Take-Profit | Margin Call | การกระจายความเสี่ยง | บัญชี Demo | ข่าวสารทางการเงิน | จิตวิทยาการเทรด | การควบคุมอารมณ์ | การวางแผนการเทรด | การบันทึกการเทรด

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

Баннер