การเทรดทะลุแนวต้าน/แนวรับ

1. 1. การเทรดทะลุแนวต้าน/แนวรับ

การเทรดทะลุแนวต้านและแนวรับเป็นกลยุทธ์ยอดนิยมใน การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ที่ใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาเมื่อราคาทำลายระดับสำคัญทางเทคนิค แนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่คาดว่าจะหยุดการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นในขณะที่แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่คาดว่าจะหยุดการเคลื่อนไหวของราคาลง กลยุทธ์นี้อาศัยแนวคิดที่ว่า เมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับ อาจจะเกิดการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางนั้นอย่างต่อเนื่อง บทความนี้จะเจาะลึกรายละเอียดของกลยุทธ์นี้ รวมถึงวิธีการระบุแนวต้านและแนวรับ การยืนยันสัญญาณ และการจัดการความเสี่ยง

1. 1. 1. แนวต้านและแนวรับคืออะไร

• • แนวรับ (Support)** คือระดับราคาที่คาดว่าแรงขายจะอ่อนตัวลงและแรงซื้อจะแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะหยุดหรือเด้งกลับขึ้นจากระดับนั้น ในทางกลับกัน **แนวต้าน (Resistance)** คือระดับราคาที่คาดว่าแรงซื้อจะอ่อนตัวลงและแรงขายจะแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ราคามีแนวโน้มที่จะหยุดหรือเด้งกลับลงจากระดับนั้น

แนวต้านและแนวรับไม่ได้เป็นเส้นตาย แต่เป็น *โซน* หรือ *บริเวณ* ที่ราคามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทาง การระบุแนวต้านและแนวรับที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดที่ประสบความสำเร็จ

1. 1. 1. วิธีการระบุแนวต้านและแนวรับ

มีหลายวิธีในการระบุแนวต้านและแนวรับ:

• **จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดก่อนหน้า (Swing Highs and Swing Lows):** มองหาจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ชัดเจนบน กราฟราคา จุดสูงสุดก่อนหน้ามักจะกลายเป็นแนวต้าน และจุดต่ำสุดก่อนหน้ามักจะกลายเป็นแนวรับ
• **เส้นแนวโน้ม (Trend Lines):** ลากเส้นเชื่อมต่อจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (สำหรับแนวรับ) หรือจุดสูงสุดที่ต่ำลง (สำหรับแนวต้าน) เส้นแนวโน้มเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก
• **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว เช่น 50 วัน หรือ 200 วัน
• **ระดับ Fibonacci Retracement:** ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นตามสัดส่วน Fibonacci ที่สำคัญ เช่น 38.2%, 50%, และ 61.8% (Fibonacci เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการคาดการณ์ระดับแนวรับและแนวต้าน)
• **Pivot Points:** คำนวณจากราคา High, Low และ Close ของช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อกำหนดระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ (Pivot Points เป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้น)

1. 1. 1. การเทรดทะลุแนวต้าน (Breakout Trading)

การเทรดทะลุแนวต้านเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่เหนือแนวต้านที่สำคัญอย่างชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงซื้อมีมากกว่าแรงขาย และราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อไป

• • ขั้นตอนในการเทรดทะลุแนวต้าน:**

1. **ระบุแนวต้าน:** ใช้หนึ่งในวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อระบุแนวต้านที่ชัดเจน 2. **รอการยืนยัน:** อย่ารีบเปิดตำแหน่งทันทีที่ราคาเข้าใกล้แนวต้าน รอการยืนยันว่าราคาได้ทะลุแนวต้านไปแล้วจริงๆ การยืนยันอาจมาในรูปแบบของ:

   *   **แท่งเทียน (Candlestick):** แท่งเทียนที่ปิดเหนือแนวต้านอย่างชัดเจน
   *   **ปริมาณการซื้อขาย (Volume):** ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวต้าน บ่งชี้ว่ามีผู้ซื้อจำนวนมากเข้ามาในตลาด (การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย เป็นสิ่งสำคัญในการยืนยันสัญญาณ)
   *   **Retest:** ราคาถอยกลับลงมาที่แนวต้าน (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแนวรับ) และเด้งกลับขึ้นไปอีกครั้ง

3. **เปิดตำแหน่ง Buy:** เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว ให้เปิดตำแหน่ง Buy (Call Option) โดยมีเป้าหมายกำไรที่ระดับที่สูงกว่าแนวต้านเดิม 4. **ตั้ง Stop Loss:** ตั้ง Stop Loss ที่ใต้แนวต้านเดิมเล็กน้อย เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

1. 1. 1. การเทรดทะลุแนวรับ (Breakdown Trading)

การเทรดทะลุแนวรับเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่ต่ำกว่าแนวรับที่สำคัญอย่างชัดเจน ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงขายมีมากกว่าแรงซื้อ และราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อไป

• • ขั้นตอนในการเทรดทะลุแนวรับ:**

1. **ระบุแนวรับ:** ใช้หนึ่งในวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อระบุแนวรับที่ชัดเจน 2. **รอการยืนยัน:** เช่นเดียวกับการเทรดทะลุแนวต้าน รอการยืนยันว่าราคาได้ทะลุแนวรับไปแล้วจริงๆ การยืนยันอาจมาในรูปแบบของ:

   *   **แท่งเทียน:** แท่งเทียนที่ปิดต่ำกว่าแนวรับอย่างชัดเจน
   *   **ปริมาณการซื้อขาย:** ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวรับ
   *   **Retest:** ราคาเด้งกลับขึ้นมาที่แนวรับ (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแนวต้าน) และตกลงไปอีกครั้ง

3. **เปิดตำแหน่ง Sell:** เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว ให้เปิดตำแหน่ง Sell (Put Option) โดยมีเป้าหมายกำไรที่ระดับที่ต่ำกว่าแนวรับเดิม 4. **ตั้ง Stop Loss:** ตั้ง Stop Loss ที่เหนือแนวรับเดิมเล็กน้อย เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยงในการเทรดทะลุแนวต้าน/แนวรับ

การเทรดทะลุแนวต้านและแนวรับมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับกลยุทธ์การเทรดอื่นๆ การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

• **Stop Loss:** ตั้ง Stop Loss เสมอเพื่อจำกัดความเสี่ยงในกรณีที่การเทรดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
• **ขนาด Position:** อย่าเสี่ยงเงินทุนมากเกินไปในการเทรดแต่ละครั้ง ควรกำหนดขนาด Position ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณรับได้
• **การยืนยัน:** อย่าเปิดตำแหน่งจนกว่าคุณจะได้รับการยืนยันที่ชัดเจนว่าราคาได้ทะลุแนวต้านหรือแนวรับไปแล้วจริงๆ
• **False Breakout:** ระวัง False Breakout หรือการทะลุที่หลอกลวง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับ แต่หลังจากนั้นก็กลับตัวและเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม การใช้ตัวกรอง เช่น ปริมาณการซื้อขาย หรือการรอการยืนยันเพิ่มเติม สามารถช่วยลดความเสี่ยงจาก False Breakout ได้
• **การกระจายความเสี่ยง (Diversification):** อย่าลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว การกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ต่างๆ ช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุนของคุณ

1. 1. 1. ตัวอย่างการเทรดทะลุแนวต้าน/แนวรับ

สมมติว่าคุณกำลังวิเคราะห์กราฟราคาของคู่เงิน EUR/USD และคุณสังเกตเห็นแนวต้านที่ 1.1000 หลังจากนั้น ราคาเคลื่อนที่เข้าใกล้ 1.1000 และคุณรอการยืนยัน

• **สถานการณ์ที่ 1: ทะลุแนวต้าน**

   *   ราคาทะลุ 1.1000 ขึ้นไป พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
   *   คุณเปิดตำแหน่ง Buy (Call Option) ที่ราคา 1.1005
   *   ตั้ง Stop Loss ที่ 1.0995 (ใต้แนวต้านเดิมเล็กน้อย)
   *   ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 1.1050

• **สถานการณ์ที่ 2: ทะลุแนวรับ**

   *   ราคาทะลุ 1.0900 ลงไป พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
   *   คุณเปิดตำแหน่ง Sell (Put Option) ที่ราคา 1.0895
   *   ตั้ง Stop Loss ที่ 1.0905 (เหนือแนวรับเดิมเล็กน้อย)
   *   ตั้งเป้าหมายกำไรที่ 1.0850

1. 1. 1. กลยุทธ์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง

• **Pin Bar Reversal:** ใช้ Pin Bar เพื่อระบุการกลับตัวของราคาที่แนวต้านหรือแนวรับ
• **Engulfing Pattern:** ใช้ Engulfing Pattern เพื่อยืนยันการทะลุแนวต้านหรือแนวรับ
• **Doji Candlestick:** ใช้ Doji Candlestick เพื่อบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนของราคาที่แนวต้านหรือแนวรับ
• **Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุช่วงราคาและระดับแนวรับ/แนวต้านที่อาจเกิดขึ้น
• **Ichimoku Cloud:** ใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวรับ/แนวต้านและทิศทางของแนวโน้ม
• **การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following):** การเทรดตามแนวโน้มสามารถเสริมสร้างกลยุทธ์การเทรดทะลุแนวต้าน/แนวรับได้
• **การเทรดด้วยช่วงราคา (Range Trading):** การเทรดด้วยช่วงราคาอาจเป็นประโยชน์เมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในช่วงแคบๆ ระหว่างแนวต้านและแนวรับ
• **การใช้ RSI (Relative Strength Index):** ใช้ RSI เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อ/ขายที่แนวต้าน/แนวรับ
• **การใช้ MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้ MACD เพื่อระบุโมเมนตัมของราคาและยืนยันสัญญาณการทะลุ
• **การวิเคราะห์ Elliott Wave:** ใช้ Elliott Wave เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบของคลื่น
• **การวิเคราะห์ Harmonic Patterns:** ใช้ Harmonic Patterns เพื่อระบุรูปแบบราคาที่สามารถบ่งบอกถึงการกลับตัวหรือการต่อเนื่องของแนวโน้ม
• **การใช้ Volume Spread Analysis (VSA):** ใช้ VSA เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย
• **การใช้ Order Block:** ใช้ Order Block เพื่อระบุระดับแนวรับ/แนวต้านที่สำคัญ
• **การเทรดด้วย News Trading:** ใช้ข่าวสารเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาและใช้กลยุทธ์การเทรดทะลุแนวต้าน/แนวรับ

1. 1. 1. สรุป

การเทรดทะลุแนวต้านและแนวรับเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ต้องใช้ความเข้าใจในแนวคิดพื้นฐาน การระบุแนวต้านและแนวรับที่แม่นยำ การยืนยันสัญญาณ และการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม การฝึกฝนและประสบการณ์จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะในการเทรดกลยุทธ์นี้และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด ไบนารี่ออปชั่น

การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นเครื่องมือสำคัญในการระบุแนวต้านและแนวรับ และ การบริหารเงินทุน เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการความเสี่ยงในการเทรด

ตัวอย่างการเปรียบเทียบการเทรดทะลุแนวต้านและแนวรับ

กลยุทธ์	ระดับสำคัญ	สัญญาณการเข้าเทรด	ทิศทางการเทรด	Stop Loss
ทะลุแนวต้าน	แนวต้าน	ราคาปิดเหนือแนวต้านด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น	Buy (Call Option)	ใต้แนวต้านเดิมเล็กน้อย
ทะลุแนวรับ	แนวรับ	ราคาปิดต่ำกว่าแนวรับด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น	Sell (Put Option)	เหนือแนวรับเดิมเล็กน้อย

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น