Renko Brick Size
- Renko Brick Size
Renko Chart เป็นประเภทของกราฟที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งแตกต่างจากกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) หรือกราฟเส้น (Line Chart) ทั่วไป กราฟ Renko จะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาโดยพิจารณาจากขนาดของ “อิฐ” (Brick) ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แทนที่จะใช้ช่วงเวลา (Time) เป็นแกน X การทำความเข้าใจเรื่อง “Renko Brick Size” จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเทรด ไบนารี่ออปชั่น และผู้ที่สนใจในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- Renko Chart คืออะไร?
ก่อนที่จะเจาะลึกเรื่องขนาดของอิฐ เรามาทำความเข้าใจก่อนว่ากราฟ Renko คืออะไร กราฟ Renko ถูกคิดค้นโดยนักเทรดชาวญี่ปุ่นชื่อ Hamao Renko ในช่วงทศวรรษที่ 1950 กราฟประเภทนี้มีจุดประสงค์เพื่อตัดสัญญาณรบกวน (Noise) ออกจากข้อมูลราคา และเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของราคาเท่านั้น
กราฟ Renko สร้างขึ้นโดยการเพิ่ม “อิฐ” ใหม่ต่อเมื่อราคาเคลื่อนที่ในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Brick Size) อิฐแต่ละก้อนจะมีสีที่แตกต่างกันเพื่อแสดงถึงทิศทางของราคา – โดยทั่วไปสีเขียวหรือสีขาวสำหรับขาขึ้น และสีแดงหรือสีดำสำหรับขาลง
ข้อดีของกราฟ Renko คือ ช่วยให้นักเทรดระบุแนวโน้ม (Trend) ได้ง่ายขึ้น และลดจำนวนสัญญาณเท็จ (False Signal) ที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อย
- ความสำคัญของ Renko Brick Size
ขนาดของอิฐ (Brick Size) เป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญที่สุดในการสร้างกราฟ Renko การเลือกขนาดของอิฐที่เหมาะสมจะส่งผลต่อความไว (Sensitivity) ของกราฟ และความสามารถในการจับสัญญาณการซื้อขายที่แม่นยำ
- **ขนาดอิฐเล็ก:** จะทำให้กราฟมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคามากขึ้น ทำให้เกิดอิฐจำนวนมาก และอาจสร้างสัญญาณเท็จได้ง่าย
- **ขนาดอิฐใหญ่:** จะทำให้กราฟมีความเรียบง่ายมากขึ้น ลดจำนวนสัญญาณเท็จ แต่ก็อาจทำให้พลาดโอกาสในการซื้อขายที่สำคัญได้
ดังนั้น การเลือกขนาดของอิฐที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด (Trading Style) และลักษณะของสินทรัพย์ (Asset) ที่ทำการซื้อขาย
- วิธีการกำหนด Renko Brick Size
ไม่มีสูตรตายตัวในการกำหนดขนาดของอิฐที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม มีแนวทางบางประการที่สามารถนำมาใช้ได้:
1. **ATR (Average True Range):** วิธีที่นิยมมากที่สุดคือการใช้ค่า ATR เป็นเกณฑ์ในการกำหนดขนาดของอิฐ โดยทั่วไป จะใช้ขนาดอิฐเท่ากับ 1-3 เท่าของค่า ATR ตัวอย่างเช่น หากค่า ATR ของสินทรัพย์อยู่ที่ 10 จุด คุณอาจเลือกใช้ขนาดอิฐที่ 10, 20 หรือ 30 จุด
* Average True Range (ATR) เป็นตัวชี้วัดความผันผวนของราคา
2. **เปอร์เซ็นต์ของราคา:** อีกวิธีหนึ่งคือการกำหนดขนาดของอิฐเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น คุณอาจเลือกใช้ขนาดอิฐเท่ากับ 1%, 2% หรือ 3% ของราคาปัจจุบัน 3. **การทดลอง (Trial and Error):** วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการทดลองใช้ขนาดอิฐที่แตกต่างกัน และสังเกตผลลัพธ์บนกราฟ คุณอาจเริ่มต้นด้วยขนาดอิฐที่เล็ก และค่อยๆ เพิ่มขนาดขึ้น จนกว่าจะพบขนาดที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ 4. **Volatility:** พิจารณาความผันผวนของสินทรัพย์ หากสินทรัพย์มีความผันผวนสูง ควรใช้ขนาดอิฐที่ใหญ่ขึ้นเพื่อลดสัญญาณรบกวน
- ตัวอย่างการคำนวณ Renko Brick Size
สมมติว่าคุณต้องการเทรดหุ้น AAPL ซึ่งปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 150 ดอลลาร์ และมีค่า ATR อยู่ที่ 2 ดอลลาร์
- **ถ้าใช้ ATR x 1:** ขนาดอิฐ = 2 ดอลลาร์
- **ถ้าใช้ ATR x 2:** ขนาดอิฐ = 4 ดอลลาร์
- **ถ้าใช้ ATR x 3:** ขนาดอิฐ = 6 ดอลลาร์
- **ถ้าใช้ 1% ของราคา:** ขนาดอิฐ = 1.5 ดอลลาร์
- **ถ้าใช้ 2% ของราคา:** ขนาดอิฐ = 3 ดอลลาร์
คุณสามารถทดลองใช้ขนาดอิฐเหล่านี้เพื่อดูว่าขนาดใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสไตล์การเทรดของคุณ
- การใช้ Renko Brick Size ในกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่น
กราฟ Renko สามารถนำมาใช้ร่วมกับกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นได้หลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น:
1. **Breakout Strategy:** รอให้เกิดการทะลุ (Breakout) ระดับแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่ชัดเจนบนกราฟ Renko เมื่อเกิดการทะลุ ให้เปิดสถานะซื้อขายในทิศทางของการทะลุ
* แนวรับและแนวต้าน เป็นระดับราคาที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค
2. **Trend Following Strategy:** ระบุแนวโน้มที่แข็งแกร่งบนกราฟ Renko และเปิดสถานะซื้อขายตามแนวโน้มนั้น
* การเทรดตามแนวโน้ม เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมในการเทรด
3. **Reversal Strategy:** มองหาการกลับตัวของแนวโน้มบนกราฟ Renko เช่น การเกิดรูปแบบ Double Top หรือ Double Bottom และเปิดสถานะซื้อขายในทิศทางของการกลับตัว
* รูปแบบแท่งเทียน สามารถช่วยระบุการกลับตัวของแนวโน้มได้
4. **Moving Average Crossover:** ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ร่วมกับกราฟ Renko เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
* เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการระบุแนวโน้ม
5. **Bollinger Bands:** ใช้ Bollinger Bands ร่วมกับกราฟ Renko เพื่อระบุภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
* Bollinger Bands เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ความผันผวนของราคา
| กลยุทธ์ | คำอธิบาย | ขนาดอิฐที่แนะนำ | ระดับความเสี่ยง |
| Breakout | ทะลุแนวรับ/ต้าน | ATR x 2-3 | ปานกลาง-สูง |
| Trend Following | เทรดตามแนวโน้ม | ATR x 1-2 | ต่ำ-ปานกลาง |
| Reversal | กลับตัวของแนวโน้ม | ATR x 3-5 | สูง |
| Moving Average | ใช้ MA เพื่อยืนยัน | ATR x 1-2 | ปานกลาง |
| Bollinger Bands | ระบุ Overbought/Oversold | ATR x 1-3 | ปานกลาง-สูง |
- ข้อควรระวังในการใช้ Renko Brick Size
- **Lagging Indicator:** กราฟ Renko เป็นตัวชี้วัดที่ล้าหลัง (Lagging Indicator) ซึ่งหมายความว่าสัญญาณที่ได้จากกราฟอาจล่าช้ากว่าการเคลื่อนไหวของราคาจริง
- **Whipsaws:** ในตลาดที่มีความผันผวนสูง กราฟ Renko อาจสร้างสัญญาณ “Whipsaws” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการขาดทุนได้
- **Parameter Optimization:** การเลือกขนาดของอิฐที่เหมาะสมต้องใช้การทดลองและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีขนาดอิฐใดที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์
- **Combine with other tools:** ควรใช้กราฟ Renko ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Fibonacci Retracement, RSI (Relative Strength Index), และ MACD (Moving Average Convergence Divergence) เพื่อยืนยันสัญญาณการซื้อขาย
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) กับ Renko Chart
แม้ว่ากราฟ Renko จะไม่ได้แสดงปริมาณการซื้อขายโดยตรง แต่คุณสามารถใช้ข้อมูลปริมาณการซื้อขายร่วมกับกราฟ Renko เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น:
- **ยืนยัน Breakout:** หากการทะลุแนวรับหรือแนวต้านบนกราฟ Renko เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูง แสดงว่าการทะลุนั้นมีความแข็งแกร่งและมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูง
- **ระบุ Divergence:** หากราคาบนกราฟ Renko เคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามกับปริมาณการซื้อขาย อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
- **Volume Profile:** ใช้ Volume Profile ร่วมกับกราฟ Renko เพื่อระบุระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด ซึ่งอาจเป็นแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ
- สรุป
Renko Brick Size เป็นพารามิเตอร์ที่สำคัญในการสร้างกราฟ Renko การเลือกขนาดของอิฐที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณระบุแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น การทดลองและปรับปรุงขนาดของอิฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้กราฟ Renko ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด Binary Options และการลงทุนในตลาดการเงิน
การบริหารความเสี่ยง เป็นสิ่งสำคัญเสมอในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
การเทรดด้วยความเข้าใจ และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการเทรดและเพิ่มผลกำไรได้ในระยะยาว
การเลือกโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่น ที่น่าเชื่อถือก็สำคัญเช่นกัน
การจัดการเงินทุน เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา
การวิเคราะห์ตลาด อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเทรด
การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะ
การติดตามข่าวสารทางการเงิน ช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์ตลาด
การทำความเข้าใจความเสี่ยง ก่อนเริ่มเทรด
การตั้งเป้าหมายการเทรด ที่ชัดเจน
การควบคุมอารมณ์ ในการเทรด
การใช้บัญชีทดลอง ก่อนเทรดด้วยเงินจริง
การกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน
การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากจำเป็น
การอัปเดตความรู้ เกี่ยวกับตลาดการเงินอยู่เสมอ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
การทำความเข้าใจหลักการทำงานของไบนารี่ออปชั่น อย่างละเอียด
การเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสม กับสไตล์การเทรดของคุณ (Category:Technical Analysis)
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
