Binary Options Trading Position Sizing Techniques
- Binary Options Trading Position Sizing Techniques
บทความนี้มุ่งเน้นไปที่เทคนิคการกำหนดขนาดตำแหน่ง (Position Sizing) ในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น สำหรับผู้เริ่มต้น การกำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยงและการรักษาเงินทุนในระยะยาว แม้ว่าไบนารี่ออปชั่นจะดูเรียบง่าย แต่การจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จ
- ทำไมการกำหนดขนาดตำแหน่งจึงสำคัญ?
การซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น มีความเสี่ยงสูง หากคุณเดิมพันด้วยเงินจำนวนมากในแต่ละครั้ง คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว การกำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสมช่วยให้คุณ:
- **จำกัดความเสี่ยง:** ลดจำนวนเงินที่คุณสามารถสูญเสียได้ในการซื้อขายแต่ละครั้ง
- **รักษาเงินทุน:** ป้องกันไม่ให้เงินทุนของคุณหมดไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากความผันผวนของตลาด
- **เพิ่มโอกาสในการทำกำไรระยะยาว:** โดยการลดความเสี่ยง คุณสามารถซื้อขายได้อย่างสม่ำเสมอและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว
- **ควบคุมอารมณ์:** การมีแผนการกำหนดขนาดตำแหน่งที่ชัดเจนช่วยลดการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์ซึ่งมักนำไปสู่ข้อผิดพลาด
- แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการกำหนดขนาดตำแหน่ง
ก่อนที่จะเจาะลึกถึงเทคนิคต่างๆ เรามาทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดขนาดตำแหน่งกันก่อน:
- **เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขาย (Risk Percentage):** คือจำนวนเงินที่คุณยินดีเสี่ยงในแต่ละการซื้อขาย โดยทั่วไปแล้ว นักเทรดจะเสี่ยงไม่เกิน 1-5% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการซื้อขาย
- **อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio):** คือความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเงินที่คุณเสี่ยงต่อจำนวนเงินที่คุณคาดว่าจะได้รับจากการซื้อขาย หากอัตราส่วนนี้สูง คุณจะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่คุณรับ
- **ขนาดตำแหน่ง (Position Size):** คือจำนวนเงินที่คุณลงทุนในการซื้อขายแต่ละครั้ง ซึ่งจะถูกคำนวณโดยอิงจากเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขายและอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน
- เทคนิคการกำหนดขนาดตำแหน่งที่นิยมใช้
มีหลายเทคนิคที่สามารถใช้ในการกำหนดขนาดตำแหน่งในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น ต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่นิยมใช้:
- 1. Fixed Fractional Position Sizing
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ง่ายที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุด โดยคุณจะกำหนดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขายที่คงที่ แล้วคำนวณขนาดตำแหน่งตามเปอร์เซ็นต์นั้น
- สูตร:**
ขนาดตำแหน่ง = (เงินทุนทั้งหมด * เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขาย) / ราคาต่อสัญญา
- ตัวอย่าง:**
สมมติว่าคุณมีเงินทุนทั้งหมด 10,000 บาท และคุณต้องการเสี่ยง 2% ต่อการซื้อขาย ราคาต่อสัญญาคือ 100 บาท
ขนาดตำแหน่ง = (10,000 * 0.02) / 100 = 2 สัญญา
ดังนั้นคุณจะซื้อ 2 สัญญาในการซื้อขายแต่ละครั้ง
- 2. Kelly Criterion
Kelly Criterion เป็นสูตรทางคณิตศาสตร์ที่ช่วยในการกำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม Kelly Criterion อาจมีความเสี่ยงสูงหากใช้ไม่ถูกต้อง
- สูตร:**
f* = (bp - q) / b
โดยที่:
- f* คือเศษส่วนของเงินทุนทั้งหมดที่ควรเดิมพัน
- b คืออัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนสุทธิ (ผลตอบแทน - 1)
- p คือความน่าจะเป็นที่จะชนะ
- q คือความน่าจะเป็นที่จะแพ้ (1 - p)
- ข้อควรระวัง:** Kelly Criterion มักจะแนะนำให้เดิมพันด้วยเงินจำนวนมาก ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีความเสี่ยงต่ำ
- 3. Anti-Martingale
Anti-Martingale เป็นเทคนิคที่ตรงกันข้ามกับ Martingale โดยคุณจะเพิ่มขนาดตำแหน่งเมื่อคุณชนะและลดขนาดตำแหน่งเมื่อคุณแพ้ เทคนิคนี้ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากการชนะติดต่อกันและลดความเสี่ยงจากการแพ้ติดต่อกัน
- วิธีการ:**
เริ่มต้นด้วยขนาดตำแหน่งที่เล็ก แล้วเพิ่มขนาดตำแหน่งเป็นสองเท่าหลังจากชนะแต่ละครั้ง และลดขนาดตำแหน่งลงครึ่งหนึ่งหลังจากแพ้แต่ละครั้ง
- 4. Fixed Ratio Position Sizing
เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขนาดตำแหน่งตามอัตราส่วนที่กำหนดเมื่อคุณมีกำไรสะสม
- วิธีการ:**
กำหนดอัตราส่วนการเพิ่มขนาดตำแหน่ง เช่น 1:2 ซึ่งหมายความว่าเมื่อกำไรสะสมของคุณเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า คุณจะเพิ่มขนาดตำแหน่งของคุณเป็นสองเท่า
- ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการกำหนดขนาดตำแหน่ง
นอกเหนือจากเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่คุณควรพิจารณาในการกำหนดขนาดตำแหน่ง:
- **ความผันผวนของสินทรัพย์:** สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงควรมีขนาดตำแหน่งที่เล็กกว่าสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ
- **กลยุทธ์การซื้อขาย:** กลยุทธ์การซื้อขายที่มีความแม่นยำสูงสามารถใช้ขนาดตำแหน่งที่ใหญ่กว่าได้
- **ความเสี่ยงที่ยอมรับได้:** กำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
- **สภาพจิตใจ:** อย่าปล่อยให้ความโลภหรือความกลัวมีผลต่อการตัดสินใจในการกำหนดขนาดตำแหน่ง
- การใช้เครื่องมือช่วยในการคำนวณขนาดตำแหน่ง
มีเครื่องมือออนไลน์มากมายที่สามารถช่วยคุณคำนวณขนาดตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เครื่องมือเหล่านี้มักจะต้องการข้อมูล เช่น เงินทุนทั้งหมด เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขาย และราคาต่อสัญญา
- ตัวอย่างการคำนวณขนาดตำแหน่งด้วยเครื่องมือออนไลน์
ลองพิจารณาเครื่องมือคำนวณขนาดตำแหน่งออนไลน์ (สมมติ)
- เงินทุนทั้งหมด: 5,000 บาท
- เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขาย: 3%
- ราคาต่อสัญญา: 50 บาท
เครื่องมือจะคำนวณขนาดตำแหน่งเป็น: (5,000 * 0.03) / 50 = 3 สัญญา
- การปรับปรุงและติดตามผลการกำหนดขนาดตำแหน่ง
การกำหนดขนาดตำแหน่งไม่ใช่เรื่องที่ตายตัว คุณควรปรับปรุงแผนการของคุณอย่างสม่ำเสมอโดยอิงจากผลการซื้อขายของคุณ หากคุณพบว่าคุณกำลังสูญเสียเงินอย่างต่อเนื่อง คุณอาจต้องลดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขายหรือเปลี่ยนไปใช้เทคนิคการกำหนดขนาดตำแหน่งอื่น
- กลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้อง
- 60 Second Strategy: กลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้นที่ต้องใช้การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด
- Straddle Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด
- Ladder Strategy: กลยุทธ์ที่ใช้การซื้อขายหลายสัญญาในเวลาที่ต่างกัน
- Boundary Strategy: กลยุทธ์ที่คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ภายในช่วงที่กำหนด
- High/Low Strategy: กลยุทธ์พื้นฐานที่คาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นหรือต่ำลง
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย
- Moving Averages: ตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการระบุแนวโน้มของราคา
- Relative Strength Index (RSI): ตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
- Bollinger Bands: ตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการวัดความผันผวนของราคา
- Fibonacci Retracements: เครื่องมือที่ใช้ในการระบุระดับแนวรับและแนวต้าน
- Volume Analysis: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้ม
- แนวโน้มและรูปแบบราคา
- Uptrend: แนวโน้มที่ราคามีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- Downtrend: แนวโน้มที่ราคามีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
- Sideways Trend: แนวโน้มที่ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแคบๆ
- Head and Shoulders: รูปแบบราคาที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม
- Double Top/Bottom: รูปแบบราคาที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม
- การจัดการความเสี่ยงเพิ่มเติม
- Stop-Loss Orders: การตั้งคำสั่งขายอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด
- Take-Profit Orders: การตั้งคำสั่งขายอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด
- Diversification: การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย
การกำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นทักษะที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน เพื่อพัฒนาทักษะนี้ คุณควรเริ่มต้นด้วยขนาดตำแหน่งที่เล็กและค่อยๆ เพิ่มขนาดตำแหน่งเมื่อคุณมีความมั่นใจมากขึ้น อย่าลืมติดตามผลการซื้อขายของคุณและปรับปรุงแผนการของคุณอย่างสม่ำเสมอ
| เงินทุนทั้งหมด (บาท) | เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการซื้อขาย (%) | ราคาต่อสัญญา (บาท) | ขนาดตำแหน่ง (สัญญา) |
|---|---|---|---|
| 10,000 | 1 | 100 | 10 |
| 10,000 | 2 | 100 | 20 |
| 5,000 | 3 | 50 | 30 |
| 20,000 | 0.5 | 200 | 5 |
การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง โปรดลงทุนเฉพาะเงินที่คุณสามารถเสียได้
การบริหารความเสี่ยง เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการซื้อขาย ไบนารี่ออปชั่น
การวางแผนการซื้อขาย ช่วยให้คุณมีวินัยและลดความเสี่ยง
การวิเคราะห์ตลาด ช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูล
การควบคุมอารมณ์ ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาด
การเรียนรู้จากความผิดพลาด ช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการซื้อขายของคุณ
การใช้บัญชีทดลอง ช่วยให้คุณฝึกฝนการซื้อขายโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง
การทำความเข้าใจแพลตฟอร์มการซื้อขาย ช่วยให้คุณใช้เครื่องมือและคุณสมบัติทั้งหมดของแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเงินทุนของคุณปลอดภัย
การติดตามข่าวสารทางการเงิน ช่วยให้คุณรับทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด
การใช้ปฏิทินเศรษฐกิจ ช่วยให้คุณวางแผนการซื้อขายโดยอิงจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ช่วยให้คุณระบุแนวโน้มและรูปแบบราคา
การใช้เครื่องมือวิเคราะห์พื้นฐาน ช่วยให้คุณประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์
การทำความเข้าใจความเสี่ยงและผลตอบแทน ช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูล
การสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสม ช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
การประเมินผลการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณ (Category:Binary options)
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
