Binary Options Trading Glossary

1. 1. Binary Options Trading Glossary

ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากความเรียบง่ายในการทำความเข้าใจ และโอกาสในการทำกำไรที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจศัพท์เฉพาะที่ใช้ในวงการไบนารี่ออปชั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น เพื่อให้สามารถทำการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง บทความนี้จะนำเสนอคำศัพท์ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

1. 1. 1. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไบนารี่ออปชั่น

ก่อนที่จะเจาะลึกเข้าไปในศัพท์เฉพาะ เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของไบนารี่ออปชั่นกันก่อน ไบนารี่ออปชั่นเป็นการเดิมพันว่าราคาของสินทรัพย์ (Asset) จะเคลื่อนที่ขึ้นหรือลงภายในระยะเวลาที่กำหนด หากคาดการณ์ถูกต้อง ผู้เทรดจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่หากคาดการณ์ผิด ผู้เทรดจะเสียเงินลงทุนทั้งหมด ลักษณะนี้เองที่ทำให้ไบนารี่ออปชั่นถูกเรียกว่า "ไบนารี่" เนื่องจากมีเพียงสองผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ คือ กำไรหรือขาดทุน

1. 1. 1. คำศัพท์สำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

ต่อไปนี้คือคำศัพท์ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น:

• **Asset (สินทรัพย์):** สิ่งที่ใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น เช่น สกุลเงิน (EUR/USD), หุ้น (Apple, Google), ดัชนี (S&P 500), หรือสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ, น้ำมัน)
• **Binary Option (ไบนารี่ออปชั่น):** สัญญาที่ให้ผลตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากทายถูกทิศทางของราคา
• **Call Option (คอลออปชั่น):** การเดิมพันว่าราคาของสินทรัพย์จะ *สูงขึ้น* ภายในระยะเวลาที่กำหนด
• **Put Option (พุทออปชั่น):** การเดิมพันว่าราคาของสินทรัพย์จะ *ต่ำลง* ภายในระยะเวลาที่กำหนด
• **Payout (ผลตอบแทน):** จำนวนเงินที่ผู้เทรดจะได้รับ หากคาดการณ์ทิศทางของราคาได้ถูกต้อง โดยปกติจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุน
• **Expiry Time (เวลาหมดอายุ):** ระยะเวลาที่กำหนดสำหรับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น เช่น 60 วินาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง, หรือ 1 วัน
• **Strike Price (ราคาใช้สิทธิ):** ราคาที่ใช้ในการตัดสินว่าการคาดการณ์ของผู้เทรดถูกต้องหรือไม่
• **Investment Amount (จำนวนเงินลงทุน):** จำนวนเงินที่ผู้เทรดต้องการลงทุนในแต่ละการซื้อขาย
• **In the Money (ITM):** เมื่อการคาดการณ์ของผู้เทรดถูกต้อง และได้รับผลตอบแทน
• **Out of the Money (OTM):** เมื่อการคาดการณ์ของผู้เทรดผิด และเสียเงินลงทุนทั้งหมด
• **High/Low Option (ไฮ/โลว์ ออปชั่น):** รูปแบบไบนารี่ออปชั่นที่ง่ายที่สุด โดยผู้เทรดคาดการณ์ว่าราคาจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันเมื่อหมดอายุ
• **Touch/No Touch Option (ทัช/โนทัช ออปชั่น):** รูปแบบไบนารี่ออปชั่นที่ผู้เทรดคาดการณ์ว่าราคาจะ *แตะ* หรือ *ไม่แตะ* ระดับราคาที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
• **Range Option (เรนจ์ ออปชั่น):** รูปแบบไบนารี่ออปชั่นที่ผู้เทรดคาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงราคาที่กำหนดหรือไม่เมื่อหมดอายุ
• **Ladder Option (แลดเดอร์ ออปชั่น):** รูปแบบไบนารี่ออปชั่นที่มีหลายระดับราคาที่กำหนดไว้ ผู้เทรดจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นหากราคาแตะระดับที่สูงขึ้น แต่ความเสี่ยงก็สูงขึ้นเช่นกัน
• **Trading Platform (แพลตฟอร์มการซื้อขาย):** เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
• **Broker (โบรกเกอร์):** บริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้เทรดและตลาดการเงิน
• **Risk Management (การจัดการความเสี่ยง):** กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการซื้อขาย เช่น การกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม และการใช้ Stop Loss
• **Technical Analysis (การวิเคราะห์ทางเทคนิค):** การใช้กราฟและตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของราคา และคาดการณ์ทิศทางในอนาคต เช่น Moving Averages, MACD, RSI
• **Fundamental Analysis (การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน):** การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเงินที่มีผลต่อราคาของสินทรัพย์
• **Volatility (ความผันผวน):** ระดับความผันผวนของราคาของสินทรัพย์ ยิ่งผันผวนมาก โอกาสในการทำกำไรก็ยิ่งสูง แต่ความเสี่ยงก็สูงขึ้นเช่นกัน
• **Trend (แนวโน้ม):** ทิศทางหลักของการเคลื่อนที่ของราคา เช่น Uptrend, Downtrend, และ Sideways Trend
• **Support and Resistance (แนวรับและแนวต้าน):** ระดับราคาที่คาดว่าจะมีการหยุดพักหรือเปลี่ยนทิศทางของราคา
• **Time Frame (กรอบเวลา):** ระยะเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์กราฟ เช่น 1 นาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง, หรือ 1 วัน

1. 1. 1. กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

การมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกลยุทธ์บางส่วน:

• **Trend Following (ตามแนวโน้ม):** การซื้อขายตามแนวโน้มของราคา โดยซื้อ Call Option เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และซื้อ Put Option เมื่อราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง Trend Following Strategy
• **Range Trading (ซื้อขายในกรอบ):** การซื้อขายเมื่อราคาเคลื่อนที่อยู่ในกรอบราคาที่กำหนด โดยซื้อ Put Option เมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้าน และซื้อ Call Option เมื่อราคาเข้าใกล้แนวรับ Range Trading Strategy
• **Breakout Strategy (กลยุทธ์การทะลุแนว):** การซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ Breakout Trading Strategy
• **Pin Bar Strategy (กลยุทธ์แท่งเข็ม):** การใช้รูปแบบแท่งเทียน Pin Bar เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคา Pin Bar Strategy
• **Bollinger Bands Strategy (กลยุทธ์ Bollinger Bands):** การใช้ Bollinger Bands เพื่อระบุสภาวะ Overbought และ Oversold Bollinger Bands Strategy
• **Straddle Strategy (กลยุทธ์ Straddle):** การซื้อทั้ง Call Option และ Put Option พร้อมกัน เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา Straddle Strategy
• **Martingale Strategy (กลยุทธ์ Martingale):** การเพิ่มขนาดการลงทุนเป็นสองเท่าหลังจากการขาดทุนแต่ละครั้ง เพื่อทำกำไรจากการชนะครั้งต่อไป (กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง) Martingale Strategy
• **Anti-Martingale Strategy (กลยุทธ์ Anti-Martingale):** การเพิ่มขนาดการลงทุนหลังจากการชนะแต่ละครั้ง และลดขนาดการลงทุนหลังจากการขาดทุน (กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง) Anti-Martingale Strategy
• **60 Second Strategy (กลยุทธ์ 60 วินาที):** การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างรวดเร็วเพื่อทำกำไรจากการซื้อขายในระยะเวลา 60 วินาที 60 Second Strategy
• **Hedging Strategy (กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง):** การใช้ไบนารี่ออปชั่นเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ Hedging Strategy
• **News Trading Strategy (กลยุทธ์การซื้อขายข่าว):** การซื้อขายโดยอิงตามข่าวสารทางเศรษฐกิจและการเงินที่สำคัญ News Trading Strategy
• **Price Action Trading (กลยุทธ์การอ่านราคา):** การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ของราคาโดยตรง โดยไม่ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค Price Action Trading
• **Fibonacci Retracement Strategy (กลยุทธ์ Fibonacci Retracement):** การใช้ Fibonacci Retracement เพื่อระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ Fibonacci Retracement Strategy
• **Elliott Wave Theory (ทฤษฎีคลื่นเอลเลียตต์):** การใช้ทฤษฎีคลื่นเอลเลียตต์เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนที่ของราคา Elliott Wave Theory
• **Japanese Candlestick Patterns (รูปแบบแท่งเทียนญี่ปุ่น):** การใช้รูปแบบแท่งเทียนญี่ปุ่นเพื่อระบุสัญญาณการซื้อขาย Candlestick Patterns

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปริมาณการซื้อขาย

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) เป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายไบนารี่ออปชั่น การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยให้เราเข้าใจแนวโน้มของราคา และระบุจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม ในขณะที่การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายช่วยให้เราประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และยืนยันสัญญาณการซื้อขาย

• **Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่):** ใช้เพื่อลดความผันผวนของราคา และระบุแนวโน้ม
• **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม
• **RSI (Relative Strength Index):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และระบุสภาวะ Overbought และ Oversold
• **Stochastic Oscillator:** ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของราคา
• **Volume (ปริมาณการซื้อขาย):** ใช้เพื่อยืนยันแนวโน้ม และระบุความสนใจของตลาด
• **On Balance Volume (OBV):** ใช้เพื่อวัดแรงกดดันในการซื้อขาย

1. 1. 1. ข้อควรระวังในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้เทรดควรระลึกถึงข้อควรระวังต่อไปนี้:

• **ความเสี่ยงสูง:** ไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง ผู้เทรดอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด
• **การจัดการความเสี่ยง:** ผู้เทรดควรมีกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน
• **การเลือกโบรกเกอร์:** ผู้เทรดควรเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตและมีความน่าเชื่อถือ
• **การศึกษา:** ผู้เทรดควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับไบนารี่ออปชั่นก่อนทำการซื้อขาย

1. 1. 1. สรุป

การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นอาจเป็นโอกาสในการทำกำไรที่น่าสนใจ แต่ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ผู้เทรดควรทำความเข้าใจศัพท์เฉพาะ กลยุทธ์การซื้อขาย และการจัดการความเสี่ยงอย่างละเอียดก่อนที่จะเริ่มต้นการซื้อขาย การศึกษาอย่างต่อเนื่องและการฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

การจัดการเงินทุนในไบนารี่ออปชั่น จิตวิทยาการเทรดไบนารี่ออปชั่น การเลือกโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่น การวิเคราะห์ตลาดไบนารี่ออปชั่น ความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชั่น

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น