Bear Put Spread

1. 1. Bear Put Spread

Bear Put Spread เป็นกลยุทธ์ออปชั่นที่ใช้เมื่อนักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลดลงอย่างมากของราคา กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการซื้อ Put Option และขาย Put Option ที่ระดับราคา Strike ที่แตกต่างกัน โดยมีวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อจำกัดทั้งผลกำไรและผลขาดทุน ทำให้เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงจำกัดและผลตอบแทนจำกัด เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการมุมมองที่เป็นกลางต่อตลาดขาลง (Bearish) แต่ต้องการควบคุมความเสี่ยง

1. 1. 1. หลักการทำงานของ Bear Put Spread

Bear Put Spread อาศัยหลักการของการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคา Put Option สองตัวที่มี Strike Price แตกต่างกัน:

1. **ซื้อ Put Option (Long Put):** นักลงทุนซื้อ Put Option ที่ Strike Price ที่สูงกว่า (Higher Strike Price) ซึ่งเป็นการจ่าย Premium เพื่อสิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ 2. **ขาย Put Option (Short Put):** นักลงทุนขาย Put Option ที่ Strike Price ที่ต่ำกว่า (Lower Strike Price) ซึ่งเป็นการรับ Premium แต่มีภาระผูกพันในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ หากผู้ซื้อ Put Option ใช้สิทธิ

ผลต่างระหว่าง Premium ที่จ่าย (สำหรับการซื้อ Put) และ Premium ที่รับ (จากการขาย Put) คือต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์นี้

1. 1. 1. องค์ประกอบของ Bear Put Spread

• **Strike Price (ราคาใช้สิทธิ):** ราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาออปชั่น ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ถือสิทธิสามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงได้
• **Premium (ค่าพรีเมียม):** ราคาที่ผู้ซื้อจ่ายให้กับผู้ขายเพื่อแลกกับสิทธิในสัญญาออปชั่น
• **Expiration Date (วันหมดอายุ):** วันที่สัญญาออปชั่นหมดอายุและไม่สามารถใช้สิทธิได้อีกต่อไป
• **Long Put:** การซื้อ Put Option
• **Short Put:** การขาย Put Option

1. 1. 1. ตัวอย่างการทำ Bear Put Spread

สมมติว่าหุ้น XYZ ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 50 บาท นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะลดลง แต่ไม่ต้องการเสี่ยงกับการลดลงอย่างมาก จึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Bear Put Spread:

• ซื้อ Put Option ที่ Strike Price 50 บาท ด้วย Premium 2 บาทต่อหุ้น
• ขาย Put Option ที่ Strike Price 45 บาท ด้วย Premium 1 บาทต่อหุ้น

ต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์นี้คือ 2 บาท - 1 บาท = 1 บาทต่อหุ้น

• • สถานการณ์ที่เป็นไปได้:**

• **ราคาหุ้นลดลงเหลือ 40 บาท:**

   *   Long Put (Strike Price 50 บาท) จะมีมูลค่า 10 บาทต่อหุ้น (50 บาท - 40 บาท)
   *   Short Put (Strike Price 45 บาท) จะมีมูลค่า 5 บาทต่อหุ้น (45 บาท - 40 บาท) เนื่องจากมีภาระผูกพันในการซื้อหุ้นที่ราคา 45 บาท
   *   กำไรสุทธิ = (10 บาท - 5 บาท) - 1 บาท (ต้นทุนสุทธิ) = 4 บาทต่อหุ้น

• **ราคาหุ้นอยู่ที่ 50 บาท (เท่าเดิม):**

   *   Long Put จะหมดอายุโดยไม่มีมูลค่า
   *   Short Put จะหมดอายุโดยไม่มีมูลค่า
   *   ขาดทุนสุทธิ = 1 บาทต่อหุ้น (ต้นทุนสุทธิ)

• **ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 55 บาท:**

   *   Long Put และ Short Put จะหมดอายุโดยไม่มีมูลค่า
   *   ขาดทุนสุทธิ = 1 บาทต่อหุ้น (ต้นทุนสุทธิ)

1. 1. 1. แผนภาพผลตอบแทน (Payoff Diagram)

Payoff Diagram for a Bear Put Spread

Price of Underlying Asset	Profit/Loss
Below Lower Strike (45)	Maximum Profit (Difference in Strike Prices - Net Premium)
At Lower Strike (45)	Profit = Difference in Strike Prices - Net Premium
Between Strike Prices (45-50)	Profit Decreases Linearly
At Higher Strike (50)	Loss = Net Premium
Above Higher Strike (50)	Maximum Loss (Net Premium)

1. 1. 1. ข้อดีและข้อเสียของ Bear Put Spread

• • ข้อดี:**

• **ความเสี่ยงจำกัด:** ผลขาดทุนสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ต้นทุนสุทธิของกลยุทธ์
• **ผลตอบแทนจำกัด:** ผลกำไรสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ความแตกต่างของราคา Strike Price ลบด้วยต้นทุนสุทธิ
• **ต้นทุนต่ำ:** โดยทั่วไปแล้วต้นทุนของกลยุทธ์นี้จะต่ำกว่าการซื้อ Put Option เพียงอย่างเดียว
• **เหมาะสำหรับมุมมองที่เป็นกลางต่อขาลง:** กลยุทธ์นี้สามารถทำกำไรได้แม้ว่าราคาจะลดลงไม่มากนัก

• • ข้อเสีย:**

• **ผลตอบแทนจำกัด:** ผลกำไรสูงสุดถูกจำกัดไว้
• **ความซับซ้อน:** กลยุทธ์นี้มีความซับซ้อนกว่าการซื้อ Put Option เพียงอย่างเดียว
• **ต้องมีการจัดการ:** จำเป็นต้องมีการติดตามและการจัดการอย่างใกล้ชิด

1. 1. 1. เมื่อใดควรใช้ Bear Put Spread

• เมื่อคุณคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลดลงอย่างมาก
• เมื่อคุณต้องการจำกัดทั้งผลกำไรและผลขาดทุน
• เมื่อคุณต้องการลดต้นทุนในการทำกำไรจากมุมมองที่เป็นขาลง

1. 1. 1. กลยุทธ์ออปชั่นที่เกี่ยวข้อง

• **Bull Call Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้น
• **Bear Call Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะลดลง
• **Long Straddle:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะมีความผันผวนสูง
• **Short Straddle:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะไม่มีความผันผวนมากนัก
• **Long Strangle:** คล้ายกับ Long Straddle แต่ใช้ Strike Price ที่แตกต่างกัน
• **Short Strangle:** คล้ายกับ Short Straddle แต่ใช้ Strike Price ที่แตกต่างกัน
• **Protective Put:** กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของราคาหุ้น
• **Covered Call:** กลยุทธ์ที่ใช้เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมจากหุ้นที่ถือครอง
• **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่รวมทั้ง Call และ Put Option เพื่อทำกำไรจากช่วงราคาที่แคบ
• **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ในช่วงแคบๆ
• **Calendar Spread:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของวันหมดอายุของออปชั่น

1. 1. 1. การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย

การใช้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ร่วมกับกลยุทธ์ Bear Put Spread สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้:

• **แนวรับและแนวต้าน:** ระบุแนวรับและแนวต้านที่สำคัญเพื่อช่วยในการกำหนด Strike Price ที่เหมาะสม
• **รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):** ใช้รูปแบบแท่งเทียนเพื่อระบุสัญญาณการกลับตัวของราคา
• **ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators):** ใช้ตัวชี้วัด เช่น Moving Average, MACD, และ RSI เพื่อยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการซื้อขาย
• **ปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume):** วิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
• **การวิเคราะห์ช่องว่างราคา (Gap Analysis):** ระบุช่องว่างราคาที่อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม

1. 1. 1. การจัดการความเสี่ยง

• **กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss):** กำหนดจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดผลขาดทุนหากราคาเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
• **ปรับขนาด Position:** ปรับขนาด Position ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
• **ทำความเข้าใจกับค่า Gamma และ Theta:** ค่า Gamma และ Theta เป็นค่าที่แสดงถึงความไวของราคาออปชั่นต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและเวลา ซึ่งสามารถช่วยในการจัดการความเสี่ยงได้

1. 1. 1. สรุป

Bear Put Spread เป็นกลยุทธ์ออปชั่นที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากมุมมองที่เป็นขาลง (Bearish) โดยมีความเสี่ยงจำกัดและผลตอบแทนจำกัด การทำความเข้าใจหลักการทำงาน องค์ประกอบ ข้อดี ข้อเสีย และวิธีการจัดการความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้

Binary Option Options Trading Risk Management Technical Analysis Fundamental Analysis Volatility Strike Price Premium Expiration Date Put Option Call Option Options Strategies Bearish Trend Bullish Trend Trading Volume Moving Averages MACD RSI Stop-Loss Order Position Sizing Gamma Theta (Category:Options Strategies)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น