การใช้ Correlation ในการเทรด Pair Trading
- การใช้ Correlation ในการเทรด Pair Trading สำหรับไบนารี่ออปชั่น
Pair Trading หรือการเทรดคู่ เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น ตลาด Forex, หุ้น และในปัจจุบันก็มีการนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรด ไบนารี่ออปชั่น มากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจสำคัญของ Pair Trading คือการหาคู่สินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์เชิงบวก (Positive Correlation) หรือเชิงลบ (Negative Correlation) และใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อความสัมพันธ์นั้นเปลี่ยนแปลงไป บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานของการใช้ Correlation ในการเทรด Pair Trading อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น โดยเน้นการนำไปประยุกต์ใช้กับการเทรดไบนารี่ออปชั่น
- ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Correlation
Correlation หรือสหสัมพันธ์ คือสถิติที่ใช้วัดความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวแปร หากตัวแปรสองตัวแปรมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน แสดงว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวก (Positive Correlation) หากมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม แสดงว่ามีความสัมพันธ์เชิงลบ (Negative Correlation) และหากไม่มีความสัมพันธ์กันเลย แสดงว่า Correlation มีค่าใกล้เคียงศูนย์
ค่า Correlation จะมีค่าอยู่ระหว่าง -1 ถึง +1:
- **+1:** ความสัมพันธ์เชิงบวกที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Positive Correlation) เมื่อตัวแปรหนึ่งเพิ่มขึ้น อีกตัวแปรหนึ่งก็จะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกัน
- **0:** ไม่มีความสัมพันธ์กัน
- **-1:** ความสัมพันธ์เชิงลบที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Negative Correlation) เมื่อตัวแปรหนึ่งเพิ่มขึ้น อีกตัวแปรหนึ่งก็จะลดลงในสัดส่วนเดียวกัน
ในการเทรด Pair Trading เรามักจะมองหาคู่สินทรัพย์ที่มีค่า Correlation สูง (ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ)
- การค้นหา Pair ที่มี Correlation สูง
การค้นหาคู่สินทรัพย์ที่มี Correlation สูงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดของการเทรด Pair Trading มีหลายวิธีในการทำเช่นนี้:
1. **การวิเคราะห์พื้นฐาน:** พิจารณาคู่สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือมีปัจจัยพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน เช่น หุ้นของบริษัทคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือสกุลเงินของประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าใกล้ชิดกัน ตัวอย่างเช่น หุ้น Apple และ Samsung อาจมีความสัมพันธ์กันเนื่องจากเป็นคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟน 2. **การวิเคราะห์ทางเทคนิค:** ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น การวิเคราะห์ แนวโน้ม (Trend Analysis) และ รูปแบบราคา (Chart Patterns) เพื่อระบุคู่สินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน หรือมีรูปแบบราคาที่คล้ายคลึงกัน 3. **การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis):** คำนวณค่า Correlation โดยใช้ข้อมูลราคาในอดีต วิธีนี้เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการระบุคู่สินทรัพย์ที่มี Correlation สูง สามารถใช้โปรแกรมสถิติ หรือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีฟังก์ชันคำนวณ Correlation ได้
- การคำนวณ Correlation โดยใช้ข้อมูลราคาในอดีต
การคำนวณค่า Correlation สามารถทำได้โดยใช้สูตรทางสถิติ หรือใช้โปรแกรมสำเร็จรูป เช่น Microsoft Excel หรือโปรแกรมเฉพาะสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
สูตรการคำนวณค่า Pearson Correlation Coefficient คือ:
r = Σ [(xi - x̄)(yi - Ȳ)] / √[Σ(xi - x̄)² Σ(yi - Ȳ)²]
โดยที่:
- r คือค่า Correlation
- xi คือข้อมูลของตัวแปรที่หนึ่ง (เช่น ราคาของสินทรัพย์ A)
- yi คือข้อมูลของตัวแปรที่สอง (เช่น ราคาของสินทรัพย์ B)
- x̄ คือค่าเฉลี่ยของตัวแปรที่หนึ่ง
- Ȳ คือค่าเฉลี่ยของตัวแปรที่สอง
- การประยุกต์ใช้ Pair Trading กับไบนารี่ออปชั่น
เมื่อเราได้คู่สินทรัพย์ที่มี Correlation สูงแล้ว เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรดไบนารี่ออปชั่นได้ดังนี้:
1. **การเทรดแบบ Call/Put:** หากค่า Correlation เริ่มลดลง หรือมีการเบี่ยงเบนจากค่าเฉลี่ย เราสามารถคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ทั้งสองจะกลับสู่ความสัมพันธ์เดิมได้ เราสามารถเปิดออปชั่น Call หากคาดว่าทั้งสองสินทรัพย์จะปรับตัวขึ้น และเปิดออปชั่น Put หากคาดว่าทั้งสองสินทรัพย์จะปรับตัวลง 2. **การเทรดแบบ Touch/No Touch:** เราสามารถใช้ Correlation เพื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ทั้งสองจะแตะระดับราคาที่กำหนดไว้หรือไม่ หากค่า Correlation ลดลงอย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณว่าราคาของสินทรัพย์ทั้งสองจะแตะระดับราคาที่กำหนดไว้ 3. **การเทรดแบบ Range:** เราสามารถใช้ Correlation เพื่อคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ทั้งสองจะเคลื่อนที่อยู่ในช่วงราคาที่กำหนดไว้หรือไม่ หากค่า Correlation คงที่ อาจเป็นสัญญาณว่าราคาของสินทรัพย์ทั้งสองจะเคลื่อนที่อยู่ในช่วงราคาที่กำหนดไว้
- ตัวอย่างการเทรด Pair Trading กับไบนารี่ออปชั่น
สมมติว่าเราพบว่าหุ้น Google (GOOGL) และหุ้น Microsoft (MSFT) มีค่า Correlation สูง (ประมาณ 0.8)
- **สถานการณ์:** ปกติแล้วราคาของ GOOGL และ MSFT จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน แต่ในวันนี้เราสังเกตเห็นว่าราคาของ GOOGL ปรับตัวขึ้น ในขณะที่ราคาของ MSFT ปรับตัวลงเล็กน้อย
- **การวิเคราะห์:** การเบี่ยงเบนจากความสัมพันธ์เดิมนี้อาจเป็นสัญญาณว่าราคาของ MSFT จะปรับตัวขึ้นตาม GOOGL ในอนาคตอันใกล้
- **การตัดสินใจ:** เราสามารถเปิดออปชั่น Call บน MSFT โดยคาดการณ์ว่าราคาของ MSFT จะปรับตัวขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด
- การจัดการความเสี่ยงในการเทรด Pair Trading
การเทรด Pair Trading ไม่ได้มีความเสี่ยงน้อยกว่ากลยุทธ์อื่นๆ การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง:
1. **การกำหนดขนาด Position:** ไม่ควรลงทุนใน Position ใด Position หนึ่งมากเกินไป ควรแบ่งเงินทุนออกเป็นหลายๆ Position เพื่อกระจายความเสี่ยง 2. **การตั้ง Stop Loss:** ควรกำหนด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หากการคาดการณ์ของเราผิดพลาด 3. **การติดตาม Correlation:** ควรติดตามค่า Correlation อย่างสม่ำเสมอ หากค่า Correlation ลดลงอย่างมาก อาจเป็นสัญญาณว่ากลยุทธ์ของเราไม่เหมาะสมอีกต่อไป 4. **การเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง:** ควรเลือกสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เพื่อให้สามารถซื้อขายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- **TradingView:** แพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการสร้างกราฟที่มาพร้อมกับเครื่องมือคำนวณ Correlation TradingView
- **MetaTrader 4/5:** แพลตฟอร์มการเทรด Forex ที่ได้รับความนิยมและมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมากมาย MetaTrader 4 และ MetaTrader 5
- **Bloomberg Terminal:** แพลตฟอร์มข้อมูลทางการเงินระดับมืออาชีพที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดและการวิเคราะห์ทางสถิติ
- **Investopedia:** เว็บไซต์ให้ความรู้ด้านการลงทุนและการเงิน Investopedia
- **BabyPips:** เว็บไซต์ให้ความรู้เกี่ยวกับการเทรด Forex BabyPips
- กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
- **Mean Reversion:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากแนวโน้มที่ราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย Mean Reversion
- **Arbitrage:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาในตลาดต่างๆ Arbitrage
- **Trend Following:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากแนวโน้มของราคา Trend Following
- **Breakout Trading:** กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน Breakout Trading
- **Scalping:** กลยุทธ์การเทรดระยะสั้นที่มุ่งเน้นการทำกำไรเล็กน้อยจากความผันผวนของราคา Scalping
- **Hedging:** กลยุทธ์การลดความเสี่ยงโดยการเปิด Position ที่สวนทางกับ Position เดิม Hedging
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติม
- **Moving Averages:** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและจุดกลับตัวของราคา Moving Averages
- **Relative Strength Index (RSI):** ใช้เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุภาวะ Overbought/Oversold RSI
- **MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้เพื่อระบุแนวโน้มและสัญญาณซื้อขาย MACD
- **Fibonacci Retracements:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ Fibonacci Retracements
- **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนของราคาและระบุสัญญาณซื้อขาย Bollinger Bands
- การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพิ่มเติม
- **Volume Spread Analysis (VSA):** ใช้เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย VSA
- **On Balance Volume (OBV):** ใช้เพื่อวัดแรงกดดันในการซื้อขาย OBV
- **Accumulation/Distribution Line:** ใช้เพื่อระบุการสะสมหรือการกระจายตัวของสินทรัพย์ Accumulation/Distribution Line
- สรุป
การเทรด Pair Trading โดยใช้ Correlation เป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การประยุกต์ใช้กลยุทธ์นี้กับการเทรดไบนารี่ออปชั่นสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเช่นกัน การศึกษาและฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในการเทรด
| สินทรัพย์ที่ 1 | สินทรัพย์ที่ 2 | ความสัมพันธ์ |
|---|---|---|
| หุ้น Apple (AAPL) | หุ้น Samsung (SMSN) | คู่แข่งในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน |
| สกุลเงิน EUR/USD | สกุลเงิน GBP/USD | สกุลเงินหลักที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจเดียวกัน |
| หุ้น ExxonMobil (XOM) | หุ้น Chevron (CVX) | บริษัทน้ำมันรายใหญ่ |
| ทองคำ (GOLD) | ดัชนี S&P 500 | สินทรัพย์ปลอดภัยและดัชนีตลาดหุ้น |
| น้ำมันดิบ (OIL) | หุ้นสายการบิน | ความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและต้นทุนของสายการบิน |
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น

