Short Put
- Short Put
Short Put คือกลยุทธ์ใน ไบนารี่ออปชั่น ที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะ *ไม่* ลดลงต่ำกว่าระดับราคาที่กำหนด (Strike Price) ก่อนวันหมดอายุของออปชั่น กลยุทธ์นี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้หากคาดการณ์ถูกต้อง บทความนี้จะอธิบายกลไก, ความเสี่ยง, ผลตอบแทน, และวิธีการใช้งานกลยุทธ์ Short Put อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น
หลักการทำงานของ Short Put
กลยุทธ์ Short Put เกี่ยวข้องกับการ *ขาย* Put Option นักลงทุนที่ขาย Put Option จะได้รับค่าพรีเมี่ยม (Premium) เป็นค่าตอบแทนทันที แต่ก็มีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคา Strike Price หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงลดลงต่ำกว่า Strike Price ก่อนวันหมดอายุ
ลองพิจารณาตัวอย่าง:
สมมติว่าคุณเชื่อว่าหุ้น XYZ จะไม่ลดลงต่ำกว่า 50 บาท ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า คุณจึงตัดสินใจขาย Put Option ที่มี Strike Price 50 บาท และได้รับพรีเมี่ยม 2 บาทต่อหุ้น
- **สถานการณ์ที่ 1: ราคาหุ้น XYZ สูงกว่า 50 บาท เมื่อถึงวันหมดอายุ** Put Option จะหมดอายุอย่างไร้ค่า (expire worthless) และคุณจะได้รับกำไรเท่ากับพรีเมี่ยมที่ได้รับไป (2 บาทต่อหุ้น)
- **สถานการณ์ที่ 2: ราคาหุ้น XYZ ต่ำกว่า 50 บาท เมื่อถึงวันหมดอายุ** คุณมีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อหุ้น XYZ ในราคา 50 บาทต่อหุ้น แม้ว่าราคาตลาดจะต่ำกว่าก็ตาม ซึ่งจะทำให้คุณขาดทุน (ขาดทุน = Strike Price – ราคาตลาด – พรีเมี่ยมที่ได้รับ)
ความเสี่ยงและผลตอบแทน
- **ความเสี่ยง:** ความเสี่ยงหลักของ Short Put คือการขาดทุนที่ไม่จำกัด หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงลดลงอย่างมาก การขาดทุนสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์อ้างอิงลดลงเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านโอกาส (Opportunity Cost) หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก คุณจะพลาดโอกาสในการทำกำไรจากการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
- **ผลตอบแทน:** ผลตอบแทนสูงสุดของ Short Put คือพรีเมี่ยมที่ได้รับ ผลตอบแทนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงสูงกว่า Strike Price เมื่อถึงวันหมดอายุ กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้จากพรีเมี่ยม และมีความเชื่อมั่นว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
| **ผลตอบแทน** | **ความเสี่ยง** | | พรีเมี่ยมที่ได้รับ | ไม่มี | | พรีเมี่ยมที่ได้รับ | ไม่มี | | ขาดทุน (Strike Price – ราคาตลาด – พรีเมี่ยม) | ขาดทุนไม่จำกัด | |
เงื่อนไขที่เหมาะสมในการใช้กลยุทธ์ Short Put
กลยุทธ์ Short Put เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไปนี้:
- **แนวโน้มตลาดเป็นบวก:** คุณคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น
- **ความผันผวนต่ำ:** ความผันผวน (Volatility) ที่ต่ำจะทำให้ค่าพรีเมี่ยมของ Put Option ต่ำลง ซึ่งจะลดผลตอบแทนที่อาจได้รับ แต่ก็ลดความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยเช่นกัน
- **คุณต้องการสร้างรายได้:** กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้จากพรีเมี่ยมอย่างสม่ำเสมอ
- **คุณพร้อมที่จะซื้อสินทรัพย์อ้างอิง:** คุณต้องพร้อมที่จะซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคา Strike Price หากราคาลดลงต่ำกว่า Strike Price
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเลือก Strike Price
การเลือก Strike Price ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการใช้กลยุทธ์ Short Put คุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- **ระดับแนวรับ (Support Level):** เลือก Strike Price ที่สูงกว่าระดับแนวรับที่แข็งแกร่ง ระดับแนวรับคือระดับราคาที่คาดว่าจะมีการซื้อเกิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้ราคามีโอกาสที่จะไม่ลดลงต่ำกว่าระดับนั้น
- **การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis):** หากแนวโน้มของราคาสินทรัพย์อ้างอิงเป็นขาขึ้น (Uptrend) คุณอาจเลือก Strike Price ที่สูงขึ้น หากแนวโน้มเป็นขาลง (Downtrend) คุณอาจเลือก Strike Price ที่ต่ำลง
- **การวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ:** ใช้เครื่องมือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค อื่นๆ เช่น Moving Average MACD RSI เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือก Strike Price
- **ค่าพรีเมี่ยม:** พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง Strike Price และค่าพรีเมี่ยม โดยทั่วไปแล้ว Strike Price ที่ต่ำกว่าจะได้รับพรีเมี่ยมที่สูงกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงในการขาดทุนที่สูงกว่าด้วย
การจัดการความเสี่ยง
- **กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss):** กำหนดจุดตัดขาดทุนล่วงหน้าเพื่อจำกัดความเสี่ยง หากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด คุณควรปิดสถานะ (Close Position) เพื่อลดการขาดทุน
- **ขนาด Position:** อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้ กำหนดขนาด Position ที่เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่คุณรับได้
- **กระจายความเสี่ยง (Diversification):** อย่าลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงเพียงอย่างเดียว กระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อ้างอิงหลายประเภท
- **ติดตามข่าวสาร:** ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์อ้างอิง
Short Put เทียบกับ Covered Call
Covered Call และ Short Put เป็นกลยุทธ์ที่มักถูกเปรียบเทียบกัน เนื่องจากทั้งสองกลยุทธ์มีวัตถุประสงค์ในการสร้างรายได้จากพรีเมี่ยม อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองกลยุทธ์นี้:
- **Covered Call:** นักลงทุนเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง และขาย Call Option เป้าหมายคือการสร้างรายได้จากพรีเมี่ยม และยอมรับความเสี่ยงที่จะต้องขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด
- **Short Put:** นักลงทุนขาย Put Option และมีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด หากราคาลดลงต่ำกว่า Strike Price เป้าหมายคือการสร้างรายได้จากพรีเมี่ยม และพร้อมที่จะซื้อสินทรัพย์อ้างอิง
กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
- **Iron Condor:** กลยุทธ์ที่รวมทั้ง Short Put และ Short Call Option เพื่อสร้างรายได้จากช่วงราคาที่คาดว่าจะแคบ
- **Butterfly Spread:** กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและขาย Call Option และ Put Option หลายชุด เพื่อสร้างกำไรจากความผันผวนที่ต่ำ
- **Straddle:** กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ Call Option และ Put Option ที่มี Strike Price และวันหมดอายุเดียวกัน เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าความผันผวนจะสูง
- **Strangle:** คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Strike Price ที่แตกต่างกัน
- **Calendar Spread:** กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายออปชั่นที่มีวันหมดอายุที่แตกต่างกัน
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)
การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและสัญญาณที่ได้จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิงใกล้ถึงระดับแนวรับ จะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาซื้อ ทำให้ราคามีโอกาสที่จะไม่ลดลงต่ำกว่าระดับนั้น
ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators)
- **Bollinger Bands:** ใช้เพื่อวัดความผันผวนและระบุช่วงราคาที่อาจเกิดการกลับตัว
- **Fibonacci Retracement:** ใช้เพื่อระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- **Ichimoku Cloud:** ใช้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและระดับแนวรับแนวต้าน
- **Parabolic SAR:** ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของแนวโน้ม
แนวโน้ม (Trends)
การระบุแนวโน้มของราคาสินทรัพย์อ้างอิงเป็นสิ่งสำคัญในการใช้กลยุทธ์ Short Put แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกลยุทธ์นี้
สรุป
กลยุทธ์ Short Put เป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจได้ หากคุณมีความเชื่อมั่นว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่ลดลงต่ำกว่าระดับราคาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูง และคุณควรทำความเข้าใจความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างละเอียดก่อนที่จะใช้งาน การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมและการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่รอบคอบเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ
Put Option Call Option ความผันผวน การวิเคราะห์ทางเทคนิค Moving Average MACD RSI แนวรับ แนวต้าน Covered Call Iron Condor Butterfly Spread Straddle Strangle Calendar Spread Bollinger Bands Fibonacci Retracement Ichimoku Cloud Parabolic SAR การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย แนวโน้ม ไบนารี่ออปชั่น การจัดการความเสี่ยง จุดตัดขาดทุน กระจายความเสี่ยง การลงทุน ตลาดทุน
เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้
ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
เข้าร่วมชุมชนของเรา
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น
