Forex Trading Swing Trading

1. 1. Forex Trading Swing Trading

Swing Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายในตลาด Forex ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะกลาง โดยทั่วไปแล้ว Swing Trading จะถือครองสถานะ (positions) เป็นเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจาก Day Trading ที่เน้นการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียว หรือ Scalping ที่เน้นการทำกำไรจากความผันผวนเล็กน้อยในระยะเวลาอันสั้น บทความนี้จะอธิบายหลักการพื้นฐานของ Swing Trading ในตลาด Forex อย่างละเอียดสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ กลยุทธ์ที่นิยม และการบริหารความเสี่ยง

1. 1. 1. ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Swing Trading

Swing Trading มาจากแนวคิดที่ว่าราคาจะเคลื่อนไหวในลักษณะ “Swing” หรือคลื่น โดยมีช่วงขาขึ้น (Uptrend) และช่วงขาลง (Downtrend) เทรดเดอร์ Swing Trading จะพยายามจับจังหวะการเปลี่ยนทิศทางของราคา หรือ “Swing Highs” และ “Swing Lows” เพื่อเข้าซื้อในจุดต่ำและขายในจุดสูง

• **ระยะเวลาในการถือครอง:** โดยปกติ 2-7 วัน หรือบางครั้งนานถึงหลายสัปดาห์
• **เป้าหมายกำไร:** ค่อนข้างต่ำต่อการซื้อขายแต่ละครั้ง แต่เน้นการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ
• **ความเสี่ยง:** ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับความผันผวนของคู่สกุลเงินที่เลือก
• **เหมาะสำหรับ:** เทรดเดอร์ที่มีเวลาในการติดตามตลาดไม่มากนัก และต้องการลดความเครียดจากการซื้อขายระยะสั้น

1. 1. 1. เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ Swing Trading

Swing Trading อาศัยการวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิค (Technical Analysis) และพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคา เครื่องมือที่นิยมใช้มีดังนี้:

• **กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts):** ช่วยในการระบุรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา เช่น Doji, Hammer, Engulfing Pattern
• **เส้นแนวโน้ม (Trend Lines):** ใช้ในการระบุทิศทางของแนวโน้มราคา และจุดเข้า-ออกที่เหมาะสม
• **ระดับแนวรับแนวต้าน (Support and Resistance Levels):** ระบุบริเวณที่ราคาอาจหยุดพัก หรือกลับตัว
• **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages):** ช่วยในการกรองสัญญาณรบกวน และระบุแนวโน้มระยะยาว เช่น SMA, EMA
• **ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (Relative Strength Index - RSI):** บ่งบอกถึงสภาวะการซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือการขายมากเกินไป (Oversold)
• **Moving Average Convergence Divergence (MACD):** ช่วยในการระบุโมเมนตัมของราคา และสัญญาณการซื้อขาย
• **Fibonacci Retracement:** ใช้ในการระบุระดับการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้น
• **Bollinger Bands:** แสดงความผันผวนของราคา และช่วยในการระบุสภาวะ Overbought/Oversold
• **Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันแนวโน้มและสัญญาณการกลับตัว

1. 1. 1. กลยุทธ์ Swing Trading ที่นิยม

มีกลยุทธ์ Swing Trading มากมายที่เทรดเดอร์สามารถนำไปปรับใช้ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายและความเสี่ยงที่รับได้ ตัวอย่างกลยุทธ์ที่นิยมมีดังนี้:

1. **Trend Following:** เข้าซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้านขึ้นไป และขายเมื่อราคาทะลุแนวรับลงมา กลยุทธ์นี้เหมาะกับตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน 2. **Mean Reversion:** เข้าซื้อเมื่อราคาลงมาใกล้ระดับแนวรับ และขายเมื่อราคาทะลุแนวต้านขึ้นไป กลยุทธ์นี้เหมาะกับตลาดที่แกว่งตัวในกรอบ (Sideways) 3. **Breakout Strategy:** เมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ แสดงว่ามีแรงซื้อหรือแรงขายที่แข็งแกร่ง อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ 4. **Pullback Trading:** รอให้ราคาปรับตัวลงเล็กน้อย (Pullback) ในแนวโน้มขาขึ้น แล้วจึงเข้าซื้อ กลยุทธ์นี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร 5. **Pin Bar Strategy:** ใช้รูปแบบ Pin Bar บนกราฟแท่งเทียนเพื่อระบุการกลับตัวของราคา Pin Bar คือแท่งเทียนที่มีตัวแท่งยาว และมีเงา (Shadow) ยาวที่ด้านหนึ่ง 6. **Inside Bar Strategy:** ใช้รูปแบบ Inside Bar บนกราฟแท่งเทียนเพื่อระบุการพักตัวของราคา Inside Bar คือแท่งเทียนที่มีช่วงราคาแคบกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า 7. **Three White Soldiers:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น 8. **Three Black Crows:** รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง 9. **Double Top/Bottom:** รูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา 10. **Head and Shoulders:** รูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา

1. 1. 1. การบริหารความเสี่ยงใน Swing Trading

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการซื้อขาย Swing Trading เนื่องจากต้องถือครองสถานะเป็นเวลานานกว่าการซื้อขายระยะสั้น เทคนิคการบริหารความเสี่ยงที่ควรใช้มีดังนี้:

• **Stop-Loss Order:** ตั้ง Stop-Loss Order เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาดการณ์ไว้
• **Take-Profit Order:** ตั้ง Take-Profit Order เพื่อล็อคกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมายที่กำหนด
• **Position Sizing:** กำหนดขนาดของสถานะ (Position Size) ให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่รับได้ โดยทั่วไปไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง
• **Risk-Reward Ratio:** คำนวณ Risk-Reward Ratio (อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน) เพื่อให้แน่ใจว่าผลตอบแทนที่คาดหวังคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องรับ
• **Diversification:** กระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหลายคู่สกุลเงิน

1. 1. 1. ความแตกต่างระหว่าง Swing Trading และ Binary Options

แม้ว่าทั้ง Swing Trading และ Binary Options จะเป็นการซื้อขายในตลาด Forex แต่มีความแตกต่างกันอย่างมาก:

• **Swing Trading:** เป็นการซื้อขายเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะกลาง โดยถือครองสถานะเป็นเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์
• **Binary Options:** เป็นการคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นหรือลงภายในระยะเวลาที่กำหนด หากคาดการณ์ถูกต้องจะได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน แต่หากคาดการณ์ผิดจะเสียเงินลงทุนทั้งหมด

Binary Options มีความเสี่ยงสูงกว่า Swing Trading เนื่องจากผลตอบแทนและผลขาดทุนถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และไม่มีการบริหารความเสี่ยงแบบ Stop-Loss Order

1. 1. 1. การวิเคราะห์ Fundamental ใน Swing Trading

นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว การวิเคราะห์ Fundamental Analysis ก็มีความสำคัญในการตัดสินใจซื้อขาย Swing Trading ข่าวสารเศรษฐกิจและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ สามารถส่งผลกระทบต่อค่าเงินได้ เช่น:

• **อัตราดอกเบี้ย:** การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
• **อัตราเงินเฟ้อ:** การเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเฟ้อ
• **การจ้างงาน:** รายงานตัวเลขการจ้างงาน
• **ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP):** การเติบโตทางเศรษฐกิจ
• **ความเชื่อมั่นผู้บริโภค:** ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

1. 1. 1. การใช้ Volume ใน Swing Trading

การวิเคราะห์ Volume Analysis สามารถช่วยยืนยันสัญญาณจากเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น:

• **Volume ที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาขึ้น:** ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง
• **Volume ที่ลดลงเมื่อราคาขึ้น:** อาจบ่งบอกถึงการหมดแรงของแนวโน้มขาขึ้น
• **Volume ที่เพิ่มขึ้นเมื่อราคาลง:** ยืนยันแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง
• **Volume ที่ลดลงเมื่อราคาลง:** อาจบ่งบอกถึงการหมดแรงของแนวโน้มขาลง

1. 1. 1. สรุป

Swing Trading เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรจากตลาด Forex ในระยะกลาง การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐาน การใช้เครื่องมือที่เหมาะสม การเลือกกลยุทธ์ที่เข้ากับสไตล์การซื้อขาย และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขาย Swing Trading

ตัวอย่างการเปรียบเทียบกลยุทธ์การเทรด

Day Trading | Swing Trading | Scalping |
ภายในวันเดียว | 2-7 วัน หรือนานกว่า | ไม่กี่วินาทีถึงนาที |	ปานกลาง | ปานกลางถึงสูง | สูง |	สูง | ปานกลาง | สูงมาก |	เล็กน้อยต่อการซื้อขาย | ปานกลางต่อการซื้อขาย | เล็กน้อยต่อการซื้อขาย |	สูง | ปานกลาง | สูงมาก |

การบริหารเงินทุน | การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง | การอ่านกราฟ | จิตวิทยาการเทรด | การเลือกโบรกเกอร์ Forex

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น