Retracement

1. 1. Retracement: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นมือใหม่

• • บทนำ**

ในโลกของการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) การทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ แนวคิดหนึ่งที่สำคัญและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายคือ “Retracement” หรือ การย้อนกลับ (บางครั้งเรียกว่า Pullback) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่สวนทางกับแนวโน้มหลักชั่วคราว บทความนี้จะอธิบายถึง Retracement อย่างละเอียดสำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่นมือใหม่ โดยครอบคลุมถึงความหมาย ประเภท การระบุ และวิธีการนำไปใช้ในการซื้อขายจริง

• • Retracement คืออะไร?**

Retracement คือการเคลื่อนไหวของราคาที่สวนทางกับแนวโน้มหลัก (Trend) ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) Retracement จะเป็นการลดลงของราคาชั่วคราว ในขณะที่ในตลาดที่มีแนวโน้มขาลง (Downtrend) Retracement จะเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาชั่วคราว Retracement ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม แต่เป็นเพียงการพักตัวหรือปรับฐานก่อนที่แนวโน้มเดิมจะดำเนินต่อไป การเข้าใจ Retracement ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุโอกาสในการเข้าซื้อขาย (Entry Point) ที่มีศักยภาพสูงได้

• • ทำไม Retracement ถึงเกิดขึ้น?**

มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิด Retracement ได้แก่:

• **การทำกำไร (Profit Taking):** เมื่อราคาของสินทรัพย์ปรับตัวขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์บางรายอาจเลือกที่จะขายทำกำไร (Sell to Close) ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้ราคาปรับตัวลงหรือขึ้นชั่วคราว
• **การปรับสมดุล (Correction):** บางครั้งราคาอาจเคลื่อนที่เร็วเกินไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ทำให้เกิดภาวะ Overbought (ซื้อมากเกินไป) หรือ Oversold (ขายมากเกินไป) ซึ่งจะนำไปสู่การปรับสมดุลของราคา
• **ข่าวสารและเหตุการณ์ (News and Events):** ข่าวสารหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้ราคาปรับตัวชั่วคราว

• • ประเภทของ Retracement**

Retracement สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามระยะเวลาและความรุนแรงของการปรับตัว:

• **Minor Retracement:** เป็นการปรับตัวของราคาในระยะสั้นๆ มักจะไม่เกิน 38.2% ของช่วงการเคลื่อนไหวของแนวโน้มหลัก
• **Moderate Retracement:** เป็นการปรับตัวของราคาในระดับปานกลาง มักจะอยู่ระหว่าง 38.2% ถึง 61.8% ของช่วงการเคลื่อนไหวของแนวโน้มหลัก
• **Major Retracement:** เป็นการปรับตัวของราคาในระยะยาวและมีความรุนแรง มักจะเกิน 61.8% ของช่วงการเคลื่อนไหวของแนวโน้มหลัก และอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม

• • เครื่องมือที่ใช้ในการระบุ Retracement**

มีเครื่องมือหลายอย่างที่เทรดเดอร์สามารถใช้ในการระบุ Retracement ได้:

• **Fibonacci Retracement:** เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการระบุระดับ Retracement โดยใช้สัดส่วน Fibonacci (23.6%, 38.2%, 50%, 61.8%, 78.6%) เพื่อคาดการณ์ระดับราคาที่อาจมีการกลับตัว (Fibonacci Retracement).
• **Moving Averages (MA):** เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถใช้เป็นระดับแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) ที่ช่วยระบุ Retracement ได้ (Moving Averages).
• **Trendlines:** การลากเส้น Trendline สามารถช่วยระบุแนวโน้มและระดับ Retracement ที่อาจเกิดขึ้น (Trendlines).
• **Support and Resistance Levels:** ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นจุดสำคัญที่ราคาอาจมีการกลับตัว (Support and Resistance).
• **Indicators:** อินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น RSI (Relative Strength Index) และ Stochastic Oscillator สามารถช่วยระบุภาวะ Overbought หรือ Oversold ซึ่งอาจนำไปสู่ Retracement (RSI, Stochastic Oscillator).

• • การใช้ Retracement ในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น**

เมื่อระบุ Retracement ได้แล้ว เทรดเดอร์สามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อวางแผนการซื้อขายได้หลายวิธี:

• **ซื้อเมื่อ Retracement สิ้นสุด:** รอจนกว่า Retracement จะสิ้นสุดลงและราคากลับเข้าสู่แนวโน้มหลัก จากนั้นจึงเปิดสถานะซื้อ (Call Option) ในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น หรือสถานะขาย (Put Option) ในตลาดที่มีแนวโน้มขาลง (Call Option, Put Option).
• **ขายเมื่อ Retracement สิ้นสุด:** ในกรณีที่ Retracement เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มหลัก อาจเป็นการขายทำกำไรในช่วง Retracement ก่อนที่ราคาจะกลับสู่แนวโน้มเดิม
• **ใช้ Retracement ร่วมกับรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns):** การรวม Retracement กับรูปแบบแท่งเทียน เช่น Engulfing Pattern หรือ Hammer Pattern สามารถช่วยยืนยันสัญญาณการกลับตัวและเพิ่มความแม่นยำในการซื้อขาย (Candlestick Patterns).
• **ใช้ Retracement ร่วมกับ Volume Analysis:** การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis) ร่วมกับ Retracement สามารถช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มและ Retracement (Volume Analysis).

• • ตัวอย่างการวิเคราะห์ Retracement**

สมมติว่าราคาของสินทรัพย์กำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และเกิด Retracement ลงมาที่ระดับ Fibonacci 38.2% เทรดเดอร์สามารถพิจารณาเปิดสถานะซื้อ (Call Option) ที่ระดับนี้ โดยคาดหวังว่าราคาจะกลับขึ้นไปในแนวโน้มเดิมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ควรใช้ความระมัดระวังและพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น รูปแบบแท่งเทียน และปริมาณการซื้อขาย

• • ข้อควรระวังในการใช้ Retracement**

แม้ว่า Retracement จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่เทรดเดอร์ควรทราบ:

• **Retracement ไม่ใช่การรับประกัน:** Retracement ไม่ได้หมายความว่าราคาจะกลับตัวเสมอไป อาจมีโอกาสที่ Retracement จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม
• **ความแม่นยำของ Retracement:** ระดับ Retracement ที่ระบุโดยเครื่องมือต่างๆ อาจไม่แม่นยำเสมอไป และอาจมีการเบี่ยงเบนจากระดับที่คาดการณ์ไว้
• **การจัดการความเสี่ยง:** ควรมีการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเสมอ เช่น การตั้ง Stop-Loss เพื่อจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

• • กลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับ Retracement**

• **Fibonacci Retracement Strategy:** ใช้ระดับ Fibonacci เพื่อระบุจุดเข้าซื้อขายที่มีศักยภาพ (Fibonacci Retracement Strategy).
• **Trend Following Strategy with Retracement:** รอการ Retracement เพื่อเข้าซื้อในทิศทางของแนวโน้มหลัก (Trend Following Strategy).
• **Retracement and Candlestick Pattern Strategy:** ผสมผสาน Retracement กับรูปแบบแท่งเทียนเพื่อยืนยันสัญญาณ (Retracement and Candlestick Pattern Strategy).
• **Retracement and Moving Average Strategy:** ใช้ Moving Average เพื่อยืนยัน Retracement และระบุจุดเข้าซื้อขาย (Retracement and Moving Average Strategy).
• **Retracement and Volume Confirmation Strategy:** ใช้ปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของ Retracement (Retracement and Volume Confirmation Strategy).
• **Pullback Trading:** กลยุทธ์ที่เน้นการเข้าซื้อในช่วง Retracement ในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น (Pullback Trading).
• **Fade the Rally/Drop:** กลยุทธ์ที่เน้นการขายในช่วง Retracement ในตลาดที่มีแนวโน้มขาขึ้น หรือการซื้อในช่วง Retracement ในตลาดที่มีแนวโน้มขาลง (Fade the Rally/Drop).
• **Mean Reversion Strategy:** กลยุทธ์ที่เชื่อว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย (Mean Reversion Strategy).
• **Counter-Trend Trading:** กลยุทธ์ที่เน้นการเข้าซื้อขายสวนทางกับแนวโน้มหลัก (Counter-Trend Trading).
• **Swing Trading:** กลยุทธ์ที่เน้นการถือครองสถานะเป็นระยะเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อทำกำไรจาก Swing หรือการแกว่งตัวของราคา (Swing Trading).
• **Day Trading:** กลยุทธ์ที่เน้นการเปิดและปิดสถานะภายในวันเดียว (Day Trading).
• **Scalping:** กลยุทธ์ที่เน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะเวลาสั้นๆ (Scalping).
• **Momentum Trading:** กลยุทธ์ที่เน้นการเข้าซื้อขายตามแรงส่งของแนวโน้ม (Momentum Trading).
• **Breakout Trading:** กลยุทธ์ที่เน้นการเข้าซื้อขายเมื่อราคา Breakout หรือทะลุแนวต้านหรือแนวรับ (Breakout Trading).
• **Range Trading:** กลยุทธ์ที่เน้นการซื้อขายภายในกรอบราคาที่กำหนด (Range Trading).

• • สรุป**

Retracement เป็นแนวคิดที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุโอกาสในการเข้าซื้อขายที่มีศักยภาพสูงได้ การทำความเข้าใจประเภทของ Retracement การใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้อง และการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น

ตัวอย่างระดับ Fibonacci Retracement

ระดับ Fibonacci ! คำอธิบาย
23.6%	Retracement ตื้นๆ มักพบในช่วงเริ่มต้นของแนวโน้ม
38.2%	ระดับที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มักเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับตัว
50%	ระดับกลางของช่วงการเคลื่อนไหว มักเป็นระดับที่สำคัญ
61.8%	ระดับ Golden Ratio มักเป็นจุดสิ้นสุดของ Retracement ที่สำคัญ
78.6%	ระดับที่ลึกกว่า มักเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม

การวิเคราะห์ทางเทคนิค ไบนารี่ออปชั่น แนวโน้ม Support and Resistance Fibonacci Retracement Moving Averages Trendlines RSI Stochastic Oscillator Call Option Put Option Volume Analysis Candlestick Patterns Fibonacci Retracement Strategy Trend Following Strategy Retracement and Candlestick Pattern Strategy Retracement and Moving Average Strategy Retracement and Volume Confirmation Strategy Pullback Trading Fade the Rally/Drop Mean Reversion Strategy Counter-Trend Trading Swing Trading Day Trading Scalping Momentum Trading Breakout Trading Range Trading

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น