Trading Volume Indicators

1. 1. Trading Volume Indicators

บทความนี้จะอธิบายถึงตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย (Trading Volume Indicators) ที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) โดยจะครอบคลุมตั้งแต่ความสำคัญของปริมาณการซื้อขาย, ประเภทของตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย, วิธีการตีความสัญญาณ และการนำไปประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การเทรดจริง

1. 1. 1. ความสำคัญของปริมาณการซื้อขาย

ปริมาณการซื้อขาย (Volume) หมายถึง จำนวนหน่วยของสินทรัพย์ (Assets) ที่ถูกซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจและความแข็งแกร่งของแนวโน้ม (Trends) ในตลาด ปริมาณการซื้อขายที่สูงบ่งบอกถึงความสนใจที่มากจากนักลงทุน และมักจะยืนยันแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำอาจบ่งบอกถึงความไม่แน่นอน หรือการขาดความสนใจในสินทรัพย์นั้นๆ

สำหรับเทรดเดอร์ไบนารี่ออปชั่น การเข้าใจปริมาณการซื้อขายมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก:

• **ยืนยันแนวโน้ม:** ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นจะช่วยยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มนั้นๆ
• **ระบุการกลับตัวของแนวโน้ม:** การลดลงของปริมาณการซื้อขายในขณะที่แนวโน้มยังคงดำเนินต่อไป อาจเป็นสัญญาณเตือนของการกลับตัวของแนวโน้ม
• **ประเมินความน่าเชื่อถือของการ Breakout:** เมื่อราคา Breakout จากระดับแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ปริมาณการซื้อขายที่สูงจะช่วยยืนยันว่า Breakout นั้นมีความน่าเชื่อถือ
• **กรองสัญญาณ False:** ปริมาณการซื้อขายสามารถช่วยกรองสัญญาณเท็จ (False Signals) ที่เกิดจากความผันผวนของตลาดได้

1. 1. 1. ประเภทของตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย

มีตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายหลายประเภทที่เทรดเดอร์สามารถใช้เพื่อวิเคราะห์ตลาดได้ ตัวชี้วัดเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น:

1. **Volume Simple:** แสดงปริมาณการซื้อขายโดยตรง ซึ่งสามารถใช้เพื่อดูความแข็งแกร่งของแนวโน้มและ Breakout 2. **On Balance Volume (OBV):** ตัวชี้วัดนี้สะสมปริมาณการซื้อขายเมื่อราคาเพิ่มขึ้น และลดปริมาณการซื้อขายเมื่อราคาลดลง OBV ช่วยระบุการไหลของเงินทุนเข้าและออกจากสินทรัพย์นั้นๆ การวิเคราะห์การไหลของเงินทุน 3. **Accumulation/Distribution Line (A/D Line):** คล้ายกับ OBV แต่ A/D Line คำนึงถึงตำแหน่งของราคาในกรอบราคา (Trading Range) ด้วย ซึ่งจะช่วยให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำมากขึ้น การวิเคราะห์กรอบราคา 4. **Chaikin Money Flow (CMF):** ตัวชี้วัดนี้วัดแรงกดดันในการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด CMF ช่วยระบุว่ามีเงินทุนไหลเข้าหรือออกจากสินทรัพย์นั้นๆ มากกว่ากัน การวิเคราะห์แรงกดดันในการซื้อขาย 5. **Volume Price Trend (VPT):** VPT คำนวณโดยการคูณการเปลี่ยนแปลงของราคาด้วยปริมาณการซื้อขาย ซึ่งจะช่วยระบุความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณการซื้อขาย 6. **Money Flow Index (MFI):** MFI เป็นตัวชี้วัดโมเมนตัม (Momentum) ที่รวมเอาทั้งราคาและปริมาณการซื้อขายเข้าด้วยกัน MFI สามารถใช้เพื่อระบุสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold) การวิเคราะห์โมเมนตัม

1. 1. 1. การตีความสัญญาณจากตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย

การตีความสัญญาณจากตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายต้องทำควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ราคาและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ (Technical Analysis)

• **OBV และ A/D Line:**

   *   หาก OBV หรือ A/D Line กำลังเพิ่มขึ้น แสดงว่ามีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป
   *   หาก OBV หรือ A/D Line กำลังลดลง แสดงว่ามีแรงขายที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มขาลง (Downtrend) มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป
   *   การ Divergence (ความแตกต่าง) ระหว่างราคาและ OBV/A/D Line อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม

• **CMF:**

   *   ค่า CMF ที่สูงกว่า 0 บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
   *   ค่า CMF ที่ต่ำกว่า 0 บ่งบอกถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง
   *   การ Divergence ระหว่างราคาและ CMF อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม

• **VPT:**

   *   VPT ที่เพิ่มขึ้นยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
   *   VPT ที่ลดลงยืนยันแนวโน้มขาลง
   *   การ Divergence ระหว่างราคาและ VPT อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม

• **MFI:**

   *   ค่า MFI ที่สูงกว่า 80 บ่งบอกถึงสภาวะซื้อมากเกินไป และอาจเกิดการปรับฐานราคา (Price Correction)
   *   ค่า MFI ที่ต่ำกว่า 20 บ่งบอกถึงสภาวะขายมากเกินไป และอาจเกิดการดีดตัวของราคา (Price Bounce)

1. 1. 1. การประยุกต์ใช้ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายในกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่น

ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การเทรดไบนารี่ออปชั่นได้หลากหลายรูปแบบ

1. **Trend Following Strategy:** ใช้ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม และเปิด Position ในทิศทางเดียวกับแนวโน้มนั้นๆ กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม 2. **Breakout Strategy:** ใช้ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของการ Breakout และเปิด Position ในทิศทางของการ Breakout 3. **Reversal Strategy:** ใช้การ Divergence ระหว่างราคาและตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายเพื่อระบุการกลับตัวของแนวโน้ม และเปิด Position ในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มเดิม กลยุทธ์การเทรดสวนแนวโน้ม 4. **Range Trading Strategy:** ใช้ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายเพื่อระบุจุดสิ้นสุดของกรอบราคา (Range) และเปิด Position ในทิศทางของการดีดตัว (Bounce) หรือการ Breakout 5. **Combining with other Indicators:** ใช้ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายร่วมกับตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Moving Averages, RSI, MACD เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ

• • ตัวอย่างการประยุกต์ใช้:**

• **Call Option (ซื้อ):** หากราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และ OBV กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ามีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อไป จึงสามารถเปิด Call Option ได้
• **Put Option (ขาย):** หากราคากำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง และ CMF กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงว่ามีแรงขายที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไป จึงสามารถเปิด Put Option ได้

1. 1. 1. ข้อควรระวังในการใช้ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย

• **ไม่มีตัวชี้วัดใดที่สมบูรณ์แบบ:** ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายเป็นเพียงเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ตลาด ไม่สามารถรับประกันผลกำไรได้
• **ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ:** การใช้ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ
• **ระวังสัญญาณ False:** ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายอาจให้สัญญาณ False ได้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
• **ปรับพารามิเตอร์ให้เหมาะสม:** พารามิเตอร์ของตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายอาจต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสินทรัพย์และกรอบเวลา (Timeframe) ที่ทำการเทรด

1. 1. 1. ตารางสรุปตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย

ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย

ตัวชี้วัด	คำอธิบาย	สัญญาณสำคัญ	การประยุกต์ใช้
On Balance Volume (OBV)	สะสมปริมาณการซื้อขายตามทิศทางราคา	OBV เพิ่มขึ้น = แรงซื้อ, OBV ลดลง = แรงขาย, Divergence = การกลับตัว	ยืนยันแนวโน้ม, ระบุการกลับตัว
Accumulation/Distribution Line (A/D Line)	คล้าย OBV แต่คำนึงถึงตำแหน่งของราคา	A/D Line เพิ่มขึ้น = แรงซื้อ, A/D Line ลดลง = แรงขาย, Divergence = การกลับตัว	ยืนยันแนวโน้ม, ระบุการกลับตัว
Chaikin Money Flow (CMF)	วัดแรงกดดันในการซื้อขาย	CMF > 0 = แรงซื้อ, CMF < 0 = แรงขาย, Divergence = การกลับตัว	ระบุการไหลของเงินทุน, ระบุการกลับตัว
Volume Price Trend (VPT)	คูณการเปลี่ยนแปลงของราคาด้วยปริมาณการซื้อขาย	VPT เพิ่มขึ้น = แรงซื้อ, VPT ลดลง = แรงขาย, Divergence = การกลับตัว	ยืนยันแนวโน้ม, ระบุการกลับตัว
Money Flow Index (MFI)	รวมราคาและปริมาณการซื้อขายเพื่อวัดโมเมนตัม	MFI > 80 = Overbought, MFI < 20 = Oversold	ระบุสภาวะซื้อมากเกินไป/ขายมากเกินไป

1. 1. 1. ลิงก์เพิ่มเติม

• การวิเคราะห์ทางเทคนิค
• การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
• การบริหารความเสี่ยงในการเทรดไบนารี่ออปชั่น
• กลยุทธ์ Martingale
• กลยุทธ์ Fibonacci Retracement
• การใช้ Moving Averages ในการเทรด
• การใช้ RSI ในการเทรด
• การใช้ MACD ในการเทรด
• แนวรับและแนวต้าน
• การวิเคราะห์แท่งเทียน
• การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ
• การเทรดตามข่าว
• การเทรดในช่วงตลาดเอเชีย
• การเทรดในช่วงตลาดลอนดอน
• การเทรดในช่วงตลาดนิวยอร์ก
• การวิเคราะห์ Gap
• การใช้ Pivot Points
• การวิเคราะห์ Volume Spread Analysis
• Bollinger Bands
• Ichimoku Cloud

• • Category:ตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขาย** (Category:Trading Volume Indicators)

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น