History

1. 1. History Binary Options

ไบนารี่ออปชั่น (Binary Options) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ประวัติความเป็นมาของมันไม่ได้เริ่มต้นอย่างง่ายดายและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บทความนี้จะสำรวจประวัติศาสตร์ของไบนารี่ออปชั่น ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงรูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบัน โดยครอบคลุมถึงวิวัฒนาการ, การกำกับดูแล, และผลกระทบต่อตลาดการเงิน

จุดเริ่มต้นและวิวัฒนาการ

รากฐานของไบนารี่ออปชั่นสามารถย้อนกลับไปได้ถึงตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาในทศวรรษ 1970 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Chicago Board Options Exchange (CBOE) ในช่วงเวลานั้น ออปชั่นแบบ 'All-or-Nothing' ถูกนำมาใช้ ซึ่งคล้ายคลึงกับไบนารี่ออปชั่นในปัจจุบัน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหากราคาของสินทรัพย์อ้างอิงถึงระดับที่กำหนดไว้ ณ วันหมดอายุ หรือจะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ เลย

อย่างไรก็ตาม ออปชั่นเหล่านี้ไม่ได้รับความนิยมมากนักเนื่องจากความซับซ้อนและข้อจำกัดในการซื้อขาย ในช่วงทศวรรษ 1990 และ 2000 การพัฒนาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตได้เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการซื้อขายทางการเงิน และไบนารี่ออปชั่นก็เริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ไบนารี่ออปชั่นเริ่มปรากฏตัวในรูปแบบออนไลน์ โดยแพลตฟอร์มต่างๆ นำเสนอวิธีการซื้อขายที่ง่ายขึ้นและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับนักลงทุนรายย่อย แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะเสนอสินทรัพย์อ้างอิงที่หลากหลาย เช่น หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, และสกุลเงิน Forex

การเติบโตและความนิยม

ความนิยมของไบนารี่ออปชั่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปลายทศวรรษ 2000 และต้นทศวรรษ 2010 เนื่องจากเหตุผลหลายประการ:

• **ความเรียบง่าย:** ไบนารี่ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่เข้าใจง่าย แม้แต่นักลงทุนมือใหม่ก็สามารถเรียนรู้หลักการทำงานได้ง่าย
• **ผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นสูง:** ไบนารี่ออปชั่นเสนอโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงในระยะเวลาอันสั้น
• **ความยืดหยุ่น:** นักลงทุนสามารถเลือกระยะเวลาการหมดอายุและจำนวนเงินลงทุนที่ต้องการได้
• **การเข้าถึง:** แพลตฟอร์มออนไลน์ทำให้การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นเป็นเรื่องง่ายและสะดวก

การเติบโตนี้ทำให้เกิดแพลตฟอร์มไบนารี่ออปชั่นจำนวนมาก และการแข่งขันก็สูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การขาดการกำกับดูแลที่เหมาะสมก็เป็นปัญหาสำคัญในช่วงเวลานี้

ข้อกังวลด้านการกำกับดูแลและการหลอกลวง

การขาดการกำกับดูแลที่เข้มงวดทำให้เกิดปัญหาการหลอกลวงและการฉ้อโกงในตลาดไบนารี่ออปชั่นมากมาย แพลตฟอร์มบางแห่งถูกกล่าวหาว่ามีการจัดการราคา, ปฏิเสธการจ่ายเงิน, และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่โปร่งใสเพื่อหลอกลวงนักลงทุน

หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินหลายแห่งทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับไบนารี่ออปชั่น และเริ่มดำเนินการเพื่อควบคุมตลาดนี้ ตัวอย่างเช่น:

• **สหรัฐอเมริกา:** สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และคณะกรรมการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ได้ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มไบนารี่ออปชั่นหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง
• **สหภาพยุโรป:** สำนักงานกำกับดูแลทางการเงินของยุโรป (ESMA) ได้ออกมาตรการเพื่อจำกัดการเข้าถึงไบนารี่ออปชั่นสำหรับนักลงทุนรายย่อย
• **ออสเตรเลีย:** หน่วยงานกำกับดูแลการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) ได้ห้ามการให้บริการไบนารี่ออปชั่นแก่ลูกค้าปลีก

การเปลี่ยนแปลงและการกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น

การตอบสนองต่อข้อกังวลด้านการกำกับดูแล หน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกได้ดำเนินการเพื่อควบคุมตลาดไบนารี่ออปชั่นอย่างเข้มงวดมากขึ้น มาตรการเหล่านี้รวมถึง:

• **การออกใบอนุญาต:** แพลตฟอร์มไบนารี่ออปชั่นจำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนที่จะให้บริการแก่ลูกค้า
• **ข้อกำหนดด้านเงินทุน:** แพลตฟอร์มต้องมีเงินทุนสำรองที่เพียงพอเพื่อจ่ายเงินให้กับลูกค้า
• **การตรวจสอบ:** แพลตฟอร์มต้องได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด
• **การเปิดเผยข้อมูล:** แพลตฟอร์มต้องเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น
• **การป้องกันการฟอกเงิน:** แพลตฟอร์มต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันการฟอกเงิน

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลให้ตลาดไบนารี่ออปชั่นมีความโปร่งใสและปลอดภัยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไบนารี่ออปชั่นยังคงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้ก่อนที่จะทำการลงทุน

กลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่ได้รับความนิยม

มีกลยุทธ์การซื้อขายไบนารี่ออปชั่นมากมายที่นักลงทุนสามารถใช้ได้ บางกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่:

• **กลยุทธ์การติดตามแนวโน้ม (Trend Following):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุแนวโน้มในตลาดและทำการซื้อขายตามแนวโน้มนั้น Technical Analysis
• **กลยุทธ์การกลับตัวแนวโน้ม (Mean Reversion):** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุสินทรัพย์ที่ราคาสูงหรือต่ำเกินไปและทำการซื้อขายโดยคาดหวังว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ย Bollinger Bands
• **กลยุทธ์การ Breakout:** กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับการระบุระดับความต้านทานหรือสนับสนุนที่สำคัญและทำการซื้อขายเมื่อราคา breakout ระดับเหล่านั้น Support and Resistance
• **กลยุทธ์ Pivot Point:** กลยุทธ์นี้ใช้ Pivot Points เพื่อระบุระดับราคาที่สำคัญและตัดสินใจซื้อขาย
• **กลยุทธ์ RSI (Relative Strength Index):** ใช้ RSI เพื่อวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุสภาวะการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
• **กลยุทธ์ MACD (Moving Average Convergence Divergence):** ใช้ MACD เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มและจุดเข้าซื้อขาย
• **กลยุทธ์ Ichimoku Cloud:** ใช้ Ichimoku Cloud เพื่อระบุแนวโน้ม, ระดับสนับสนุนและต้านทาน, และสัญญาณการซื้อขาย
• **กลยุทธ์ Price Action:** วิเคราะห์รูปแบบราคาโดยตรงบนชาร์ตเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
• **กลยุทธ์ข่าวสาร (News Trading):** ซื้อขายตามข่าวเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์
• **กลยุทธ์ Hedging:** ใช้ไบนารี่ออปชั่นเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอื่น

การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

การตัดสินใจซื้อขายไบนารี่ออปชั่นที่ประสบความสำเร็จมักเกี่ยวข้องกับการใช้ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์พื้นฐาน

• **การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis):** เกี่ยวข้องกับการศึกษาชาร์ตราคาและตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบที่อาจเกิดขึ้น Candlestick Patterns
• **การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis):** เกี่ยวข้องกับการประเมินปัจจัยทางเศรษฐกิจ, การเงิน, และอุตสาหกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์ Economic Calendar

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักจะใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อทำการตัดสินใจซื้อขายที่มีข้อมูลครบถ้วน

ความเสี่ยงและการบริหารความเสี่ยง

ไบนารี่ออปชั่นมีความเสี่ยงสูง และนักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ก่อนที่จะทำการลงทุน ความเสี่ยงบางประการ ได้แก่:

• **การสูญเสียเงินทุนทั้งหมด:** หากการคาดการณ์ไม่ถูกต้อง นักลงทุนจะสูญเสียเงินทุนทั้งหมด
• **ความผันผวนของตลาด:** ตลาดการเงินมีความผันผวน และราคาของสินทรัพย์อาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
• **ความเสี่ยงจากแพลตฟอร์ม:** มีความเสี่ยงที่แพลตฟอร์มไบนารี่ออปชั่นอาจล้มละลายหรือทำการฉ้อโกง

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น เทคนิคการบริหารความเสี่ยงบางประการ ได้แก่:

• **การลงทุนด้วยจำนวนเงินที่คุณสามารถเสียได้:** อย่าลงทุนด้วยเงินที่คุณต้องการสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
• **การใช้ Stop-Loss:** กำหนดระดับราคาที่คุณจะออกจากตลาดหากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ไว้
• **การกระจายความเสี่ยง:** อย่าลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว
• **การเรียนรู้และฝึกฝน:** ทำความเข้าใจตลาดและกลยุทธ์การซื้อขายก่อนที่จะทำการลงทุนจริง Money Management

อนาคตของไบนารี่ออปชั่น

อนาคตของไบนารี่ออปชั่นยังไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าการกำกับดูแลจะเข้มงวดขึ้น และตลาดจะมีความโปร่งใสและปลอดภัยมากขึ้น เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Blockchain อาจมีบทบาทในการปรับปรุงความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มไบนารี่ออปชั่น

โดยรวมแล้ว ไบนารี่ออปชั่นเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนที่สนใจในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นควรทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้และใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม

ประวัติศาสตร์ไบนารี่ออปชั่น

!- ข้อมูลสำคัญ

ปี 1970 | ออปชั่นแบบ 'All-or-Nothing' ปรากฏในตลาด CBOE

ต้นทศวรรษ 2000 | ไบนารี่ออปชั่นเริ่มปรากฏตัวในรูปแบบออนไลน์

ปลายทศวรรษ 2000 - ต้นทศวรรษ 2010 | ความนิยมของไบนารี่ออปชั่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ช่วงกลางทศวรรษ 2010 | ข้อกังวลด้านการกำกับดูแลและการหลอกลวงเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน | การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้นและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ

การซื้อขายออนไลน์ การลงทุน ตลาดการเงิน การวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นสูง การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย การจัดการความเสี่ยงในการลงทุน กลยุทธ์ Martingale กลยุทธ์ Anti-Martingale Fibonacci Retracement Elliott Wave Theory การวิเคราะห์เชิงปริมาณ Machine Learning ในการซื้อขาย Algorithmic Trading High-Frequency Trading Volatility Trading Option Pricing Models

เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้

ลงทะเบียนกับ IQ Option (เงินฝากขั้นต่ำ $10) เปิดบัญชีกับ Pocket Option (เงินฝากขั้นต่ำ $5)

เข้าร่วมชุมชนของเรา

สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา @strategybin เพื่อรับ: ✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน ✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ ✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด ✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น