View source for Investopedia: Options Strategies

# Investopedia: Options Strategies

บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์ออปชั่นต่างๆ ตามที่ปรากฏใน Investopedia โดยมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจสำหรับผู้เริ่มต้น กิจกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ [[ออปชั่น]] นั้นมีความซับซ้อน แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนหรือลดความเสี่ยงในการลงทุน กลยุทธ์ออปชั่นมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็มีจุดประสงค์และความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป การทำความเข้าใจกลยุทธ์เหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาด

== ออปชั่นคืออะไร? ==

ก่อนที่จะเจาะลึกกลยุทธ์ต่างๆ เรามาทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับออปชั่นกันก่อน ออปชั่นคือสัญญาที่ให้สิทธิ (แต่ไม่บังคับ) แก่ผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (เช่น หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์) ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (ราคาใช้สิทธิ) ภายในระยะเวลาที่กำหนด

*   '''Call Option:''' สิทธิในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิง
*   '''Put Option:''' สิทธิในการขายสินทรัพย์อ้างอิง

ผู้ซื้อออปชั่นจ่าย '''ค่าพรีเมี่ยม''' ให้แก่ผู้ขายออปชั่นเพื่อแลกกับสิทธินี้

== กลยุทธ์ออปชั่นพื้นฐาน ==

Investopedia ได้จัดกลุ่มกลยุทธ์ออปชั่นไว้หลายประเภท เราจะเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์พื้นฐานก่อน:

*   '''Covered Call:''' เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อคาดการณ์ว่าราคาของหุ้นที่ถืออยู่จะคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผู้ขาย Call Option บนหุ้นที่ตนถืออยู่ จะได้รับค่าพรีเมี่ยมมาเป็นรายได้เพิ่มเติม หากราคาหุ้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิ ผู้ขายจะต้องขายหุ้นในราคาใช้สิทธิ ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติม แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้
*   '''Protective Put:''' เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงเมื่อถือหุ้นอยู่ ผู้ซื้อ Put Option บนหุ้นที่ตนถืออยู่ จะจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นหากราคาหุ้นลดลง
*   '''Long Call:''' เป็นการซื้อ Call Option โดยคาดหวังว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้น กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มองโลกในแง่ดี
*   '''Long Put:''' เป็นการซื้อ Put Option โดยคาดหวังว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มองโลกในแง่ร้าย
*   '''Short Call:''' เป็นการขาย Call Option โดยคาดหวังว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่สูงขึ้นมากนัก กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงสูงเพราะอาจต้องซื้อหุ้นในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดหากราคาหุ้นสูงขึ้นอย่างมาก
*   '''Short Put:''' เป็นการขาย Put Option โดยคาดหวังว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะไม่ลดลงมากนัก กลยุทธ์นี้สามารถสร้างรายได้จากค่าพรีเมี่ยม แต่ก็มีความเสี่ยงหากราคาหุ้นลดลงอย่างมาก

== กลยุทธ์ออปชั่นขั้นสูง ==

เมื่อเข้าใจกลยุทธ์พื้นฐานแล้ว เราสามารถสำรวจกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นได้:

*   '''Straddle:''' ประกอบด้วยการซื้อทั้ง Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิและวันหมดอายุเดียวกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นหรือลง
*   '''Strangle:''' คล้ายกับ Straddle แต่ใช้ Call Option และ Put Option ที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า Straddle แต่ต้องการการเปลี่ยนแปลงของราคาที่มากกว่าเพื่อให้ได้กำไร
*   '''Butterfly Spread:''' ประกอบด้วยการซื้อและขาย Call Option หรือ Put Option หลายชุดที่มีราคาใช้สิทธิที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับเมื่อคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะคงที่
*   '''Condor Spread:''' คล้ายกับ Butterfly Spread แต่มี Call Option หรือ Put Option มากกว่า กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงต่ำกว่า Butterfly Spread แต่ก็มีผลตอบแทนที่น้อยกว่า
*   '''Iron Condor:''' เป็นกลยุทธ์ที่ผสมผสานทั้ง Call และ Put Option เพื่อสร้างช่วงราคาที่จำกัดและทำกำไรจากความผันผวนที่ต่ำ กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาด Sideways
*   '''Calendar Spread:''' ประกอบด้วยการซื้อและขายออปชั่นที่มีราคาใช้สิทธิเดียวกัน แต่มีวันหมดอายุที่แตกต่างกัน กลยุทธ์นี้ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของเวลาในการหมดอายุ

== การวิเคราะห์เพื่อเลือกกลยุทธ์ ==

การเลือกกลยุทธ์ออปชั่นที่เหมาะสมนั้นต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:

*   '''มุมมองตลาด:''' คุณคิดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะขึ้น ลง หรือคงที่?
*   '''ความเสี่ยงที่ยอมรับได้:''' คุณพร้อมที่จะรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?
*   '''เป้าหมาย:''' คุณต้องการสร้างรายได้ ลดความเสี่ยง หรือเก็งกำไร?
*   '''ความผันผวน:''' ความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิงมีผลต่อราคาออปชั่นอย่างไร? การวัดค่า [[Implied Volatility]] เป็นสิ่งสำคัญ
*   '''ระยะเวลา:''' ระยะเวลาจนถึงวันหมดอายุของออปชั่นมีผลต่อราคาออปชั่นอย่างไร?

การใช้เครื่องมือ [[การวิเคราะห์ทางเทคนิค]] เช่น แนวรับแนวต้าน [[Support and Resistance]] และ [[Moving Average]] สามารถช่วยในการคาดการณ์ทิศทางราคาได้ นอกจากนี้ [[การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย]] ก็สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสนใจของตลาดในสินทรัพย์อ้างอิง

{| class="wikitable"
|+ ตัวอย่างการเลือกกลยุทธ์ตามมุมมองตลาด
|-
! มุมมองตลาด || กลยุทธ์ที่แนะนำ
|-
| ราคาขึ้น || Long Call, Covered Call
|-
| ราคาลง || Long Put, Protective Put
|-
| ราคาคงที่ || Straddle, Strangle, Butterfly Spread, Condor Spread
|-
| ความผันผวนสูง || Straddle, Strangle
|-
| ความผันผวนต่ำ || Iron Condor
|}

== กลยุทธ์ออปชั่นและการซื้อขายไบนารี่ออปชั่น ==

แม้ว่า [[ไบนารี่ออปชั่น]] จะมีความแตกต่างจากออปชั่นแบบดั้งเดิม แต่ความเข้าใจในกลยุทธ์ออปชั่นก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์จะสูงขึ้น คุณสามารถเลือกซื้อไบนารี่ออปชั่นแบบ Call ซึ่งคล้ายกับ Long Call ในออปชั่นแบบดั้งเดิม การทำความเข้าใจแนวคิดเรื่องความเสี่ยงและผลตอบแทนก็เป็นสิ่งสำคัญในการซื้อขายไบนารี่ออปชั่นเช่นกัน

== เครื่องมือและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม ==

Investopedia เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีเยี่ยมสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับออปชั่นและกลยุทธ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถช่วยคุณในการเรียนรู้และฝึกฝน:

*   '''Option Chain:''' แสดงราคาและข้อมูลของออปชั่นทั้งหมดสำหรับสินทรัพย์อ้างอิง
*   '''Option Calculator:''' ช่วยในการคำนวณราคาออปชั่น
*   '''Volatility Skew:''' แสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาออปชั่นและราคาใช้สิทธิ
*   '''Brokerage Platforms:''' แพลตฟอร์มการซื้อขายหลายแห่งมีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลสำหรับการซื้อขายออปชั่น

== การบริหารความเสี่ยง ==

การซื้อขายออปชั่นมีความเสี่ยงสูง การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง:

*   '''กำหนดขนาด Position:''' อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้
*   '''ตั้ง Stop-Loss:''' จำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
*   '''Diversify:''' กระจายการลงทุนของคุณเพื่อลดความเสี่ยง
*   '''เรียนรู้และปรับปรุง:''' พัฒนาความรู้และทักษะของคุณอย่างต่อเนื่อง

== สรุป ==

กลยุทธ์ออปชั่นมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็มีจุดประสงค์และความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจกลยุทธ์เหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาด การวิเคราะห์อย่างรอบคอบ การบริหารความเสี่ยง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในการซื้อขายออปชั่น การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ [[Delta Hedging]], [[Gamma Scalping]], และ [[Theta Decay]] จะช่วยเพิ่มพูนความเข้าใจของคุณในเรื่องนี้ได้อีกด้วย การใช้ [[Fibonacci Retracement]] และ [[Bollinger Bands]] ร่วมกับการวิเคราะห์ออปชั่นสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้

การทำความเข้าใจ [[กรีก (The Greeks)]] (Delta, Gamma, Theta, Vega, Rho) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนของกลยุทธ์ออปชั่นแต่ละประเภท การวิเคราะห์ [[การกระจายตัวของผลตอบแทน]] (Payoff Diagram) ช่วยให้เห็นภาพผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของแต่ละกลยุทธ์ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ การติดตาม [[ข่าวสารทางการเงิน]] และ [[รายงานผลประกอบการ]] ของบริษัทที่เกี่ยวข้องก็เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจลงทุน

การทดลองใช้กลยุทธ์ออปชั่นผ่าน [[บัญชีทดลอง (Demo Account)]] ก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริงเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้และทำความเข้าใจกลไกการทำงานของกลยุทธ์ต่างๆ การทำความเข้าใจ [[กลยุทธ์แบบ Neutral]] และ [[กลยุทธ์แบบ Directional]] จะช่วยให้คุณสามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับมุมมองตลาดของคุณได้

การเรียนรู้เกี่ยวกับการ [[Arbitrage]] ในตลาดออปชั่นสามารถเปิดโอกาสในการทำกำไรที่ปราศจากความเสี่ยงได้ แต่ต้องใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญในระดับสูง การใช้ [[ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ออปชั่น]] สามารถช่วยในการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนของกลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

[[Category:ออปชั่น (Options)]]

== เริ่มต้นการซื้อขายตอนนี้ ==
[https://affiliate.iqbroker.com/redir/?aff=1085&instrument=options_WIKI ลงทะเบียนกับ IQ Option] (เงินฝากขั้นต่ำ $10)
[http://redir.forex.pm/pocketo เปิดบัญชีกับ Pocket Option] (เงินฝากขั้นต่ำ $5)
=== เข้าร่วมชุมชนของเรา ===
สมัครสมาชิกช่อง Telegram ของเรา [https://t.me/strategybin @strategybin] เพื่อรับ:
✓ สัญญาณการซื้อขายรายวัน
✓ การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์แบบพิเศษ
✓ การแจ้งเตือนแนวโน้มตลาด
✓ วัสดุการศึกษาสำหรับผู้เริ่มต้น